สมุนไพร รากสามสิบ

สาวร้อยผัว สมุนไพรที่ใกล้ถูกลืม สรรพคุณ ช่วยในการกระชับช่องคลอด ลดตกขาว ปวดประจำเดือน แลปัญหาระบบภายในช่องคลอด แก้อาการวัยทอง บำรุงน้ำนม ประจำเดือนมาไม่ปกติชลอความแก่ แก้ช่องคลอดอักเสบ บำรุงผิวพรรณ

สมุนไพร กระชายดำแท้

กระชายดำเป็นสมุนไพรในกลุ่มร้อน มีรสขม เผ็ดร้อน สรรพคุณสำหรับผู้ชาย ช่วยบำรุงฮอร์โมนเพศชาย กระตุ้นประสาท ทำให้กระชุ่มกระชวย บำรุงกำลัง เป็นยาอายุวัฒนะ สรรพคุณสำหรับ ช่วยบำรุงเลือดสตรี แก้ตกขาว ทำให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ สตรี

สมุนไพร ตรีผลา

ตรีผลา ลดน้ําหนัก ช่วยควบคุมน้ำหนัก ช่วยลดน้ำหนักและมวลไขมันออกจากร่างกาย ช่วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันความเสื่อมของเซลล์ต่างๆในร่างกาย ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้มีอายุยืนยาว

สมุนไพร กวาวเครือขาว

ประโยชน์ของกวาวเครือขาวช่วยบำรุงผิวพรรณให้เต่งตึง เปล่งปลั่งสดใสนุ่มนวลเรียบเนียน เป็นสมุนไพรอายุวัฒนะ มีส่วนช่วยในการชะลอวัย ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัย และลดเลือนริ้วรอยบริเวณผิวหน้าและผิวกาย

วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2559

งาดำ สมุนไพรงาดำสรรพคุณ บำรุงกระดูก ชะลอชรา

งาดำ ภาษาอังกฤษ คือ Black Sesame Seeds มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Sesamum indicum Linn. เป็นพืชที่มีแหล่งกำเนิดในแถบประเทศเอธิโอเปีย ถูกนำเข้ามาในอินเดีย จีน แอฟริกาเหนือ และเอเชียใต้เมื่อประมาณ 2,000 ปีก่อน งาดำเป็นงาชนิดเดียวกับงาขาว แต่แตกต่างกันที่สีของเมล็ดเท่านั้นเอง

   ในประเทศไทยงาดำถูกนำมาใช้ประโยชน์ทั้งในด้านยารักษาโรค โภชนา และเครื่องสำอาง ไม่ว่าจะเป็นขนม เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ นำไปเติมลงในอาหาร หรือแม้แต่นำไปสกัดเป็นน้ำมันงาดำ เนื่องจากอุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหาร โดยในงาดำปริมาณ 100 กรัม มีแคลอรี 573 กิโลแคลอรี และมีประโยชน์ทางข้าวปลาอาหารการดังนี้
          - น้ำ 4.69 กรัม
          - โปรตีน 17.73 กรัม
          - คาร์โบไฮเดรต 23.45 กรัม
          - ไฟเบอร์ 11.8 กรัม
          - น้ำตาล 0.30 กรัม
          - แคลเซียม 975 มิลลิกรัม
          - ธาตุเหล็ก 14.55 มิลลิกรัม
          - แมกนีเซียม 351 มิลลิกรัม
          - ฟอสฟอรัส 629 มิลลิกรัม
          - โพแทสเซียม 468 มิลลิกรัม
          - โซเดียม 11 มิลลิกรัม
          - สังกะสี 7.75 มิลลิกรัม
          - ไทอะมีน 0.791 มิลลิกรัม
          - ไรโบฟลาวิน 0.247 มิลลิกรัม
          - ไนอะซิน 4.515 มิลลิกรัม
          - วิตามินบี 6 0.790 มิลลิกรัม
          - โฟเลต 97 ไมโครกรัม
          - วิตามินอี 0.25 มิลลิกรัม
          - ไขมันอิ่มตัว 6.957 กรัม
          - ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว 18.759 กรัม
          - ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน 21.773 กรัม



สรรพคุณของงาดำ งาดำมีสารอาหารต่างๆ ที่จำเป็นต่อร่างมากมาย และยังมีสรรพคุณช่วยชะลอความแก่ให้ดูอ่อนกว่าวัย รวมไปถึงช่วยในการบำรุงผิวให้สดใสอยู่เสมอ  ในงาดำยังมีโปรตีนบางชนิด ที่เป็นกรดอะมิโนจำเป็น ที่ร่างไม่สามารถสร้างขึ้นมาเองได้ ช่วยในเรื่องการนอนหลับทำให้หลับพักผ่อนสบาย ช่วยบำรุงกระดูก ป้องกันการเกิดโรคกระดูกเปราะกระดูกพรุน ป้องกันการเกิดโรคท้องผูก บรรเทาอาการริดสีดวงทวาร ต้านทานอาการข้ออักเสบ โรคข้อเสื่อม

ประโยชน์ของงาดำ
งาดำ มีความสำคัญอย่างมากต่อความสมบูรณ์ของร่าง
  • ช่วยชะลอความแก่ คงความอ่อนเยาว์
  • ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส ชุ่มชื้น ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัย
  • ช่วยซ่อมแซมพร้อมด้วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับผิวหนังของคุณ
  • ประโยชน์ของงาดำช่วยทะนุบำรุงรากผมให้แข็งแรง และช่วยให้ผมดกเงางาม
  • ช่วยป้องกันผมหงอก
  • ช่วยเพิ่มพลังงานและความแข็งแรงของร่างกาย
  • ช่วยในการเผาผลาญกับสลายไขมัน ลดความอ้วน
  • ช่วยลดการดูดซึมกับการสังเคราะห์คอเลสเตอรอล
  • ช่วยปกป้องรักษาหลอดเลือดแข็งตัว
  • ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจ ทำให้ระบบหัวใจแข็งแรงยิ่งขึ้น
  • มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีส่วนช่วยปกป้องรักษาการเกิดโรคมะเร็ง
  • ช่วยลดความเครียด
  • ช่วยบำรุงระบบประสาทพร้อมกับสมอง ป้องกันการเสื่อมของเซลล์ในระบบประสาท
  • งาดำมีธาตุเหล็กซึ่งช่วยบำรุงโลหิต
  • ช่วยลดความดันโลหิต ขยายหลอดเลือด ป้องกันเกล็ดเลือดที่จะเกาะตัวกันเป็นลิ่ม
  • ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดขาว ซึ่งมีส่วนช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
  • การรับประทานงาดำพร้อมกันถั่วจะทำให้ร่างได้รับโปรตีนอย่างครบถ้วน ซึ่งบางตัวเป็นกรดอะมิโนจำเป็นที่ร่างไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้
  • ช่วยให้นอนหลับสบาย ร่างกระปรี้กระเปร่า
  • ช่วยป้องกันการเกิดโรคหวัด
  • ช่วยป้องกันการเกิดโรคเหน็บชา และตะคริว
  • ช่วยบำรุงกระดูกพร้อมกับป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุน
  • ช่วยป้องกันโรคท้องผูก
  • ช่วยบรรเทาอาการของโรคริดสีดวงทวาร
  • ช่วยต้านการอักเสบจากโรคข้อเสื่อม ยับยั้งการเสื่อมสลาย
  • น้ำมันงาสามารถนำมาใช้เป็นยานวดร่วมกับสมุนไพรอื่น ๆ เพื่อช่วยรักษาพยาบาลเส้นเอ็นอักเสบ
  • น้ำมันงาช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อาการปวดเข่า เคล็ดขัดยอก
  • ผู้กินมังสวิรัตินิยมใส่งาลงในอาหารถั่วเหลืองที่ปรุง เพื่อให้อาหารมีโปรตีนสมบูรณ์มากขึ้น
  • ผลงาดำในการนำมาแปรรูปเป็นงาดำแคปซูล



การรับประทานงาดำเพื่อให้มีผลต่อร่างกายและจิตใจมากที่สุดก็คือการทานงาดำเป็นอาหาร แทนที่จะทานงาดำที่เป็นสารสกัด โดยวิธีที่ดีที่สุดก็คือการบริโภคด้วยวิธีการเคี้ยวจะได้ค่ามากที่สุด แต่หากเรานำมาโรยใส่ข้าวหรือใส่เครื่องดื่ม ในบางครั้งเราอาจจะไม่ได้เคี้ยวด้วยซ้ำ จึงทำให้ร่างกายดูดซึมได้ไม่ดีเท่าที่ควรหรือดูดซึมไม่ได้เลย ซึ่งวิธีการทานก็ง่าย ๆ ด้วยการนำงาดำมาใส่กับขนมปังโฮลวีต กินทุกเช้าวันละ 10 ช้อนสำหรับผู้สูงอายุ แต่สำหรับคนวัยทำงานก็วันละ 3-4 ช้อนก็เพียงพอแล้ว หรือจะอยู่ในรูปของน้ำเต้าหู้งาดำก็ได้เช่นกัน แต่การรับประทานที่ดีนั้นควรบริโภคอย่างพอสมควรพร้อมบริโภคให้ครบ 5 หมู่เพื่อให้ร่างกายได้รับค่าอย่างสูงสุดและหลากหลาย นอกจากการกินแล้วสามารถนำเอาน้ำมันงามาใช้นวดทาบริเวณที่มีอาการปวดพร้อมด้วยป้องกันเส้นเอ็นที่บาดเจ็บ เพราะน้ำมันงามีคุณลักษณะที่ช่วยนำพาสมุนไพรชนิดอื่น ๆ ที่ถูกนำมาผสมดูดซึมเข้าไปได้ดีขึ้น

วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2559

สมุนไพรว่านชักมดลูกสรรพคุณ ว่านชักมดลูกทานอย่างไร สมุนไพรสำหรับสตรี


สมุนไพรว่านชักมดลูก


แนวทางทางด้านยาสมุนไพรโบราณ กำลังกลับมาเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมชมชอบเป็นอย่างมากในปัจจุบัน ซึ่งหนึ่งในยาแผนโบราณพวกนั้น ชื่อที่เรามักได้ยินผ่านหูกันบ่อยครั้งก็ได้แก่ “ว่านชักมดลูก” ที่ได้ถูกแปรรูปนำมาวางจัดจำหน่ายให้เห็นในท้องตลาดกันบ่อยครั้ง แต่เชื่อว่าหลายๆคนอาจจะยังสงสัยในคุณลักษณะของว่านชักมดลูกว่าเป็นอย่างไร กับวิธีกินว่านชักมดลูกแคปซูล ที่ถูกต้อง ต้องทำยังไงจึงจะให้ผลลัพธ์ที่เยี่ยมในการบำรุงสังขาร อย่างสูงสุดนั้น เรื่องราวน่าสนใจเกี่ยวกับสมุนไพรว่านชักมดลูกสรรพคุณเหล่านี้ สามารถติดตามอ่านได้จากบทความชิ้นนี้กันเลย 


  ว่านชักมดลูก เป็นสมุนไพรที่ถูกจัดอยู่ในวงศ์ของ “ขิง” เป็นกลุ่มเดียวกับขมิ้นชัน เป็นต้นที่มีลำต้น แต่มีหัวฝังตัวอยู่ใต้ดินซึ่ง ว่านชักมดลูกเองก็มีอยู่หลายสายพันธุ์ ว่านชักมดลูก ที่เรารู้จักกันมีอยู่ 2 ประเภทซึ่งอาจแบ่งได้ตามสายพันธุ์ คือ
1. ว่านชักมดลูกตัวผู้ มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Curcuma latifolia.
2. ว่านชักมดลูกตัวเมีย มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Curcuma comosa Roxb.

ว่านชักมดลูกสรรพคุณ

นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบว่า ภายในว่านชักมดลูกนั้น มีสาระสำคัญอยู่อีกหลายอย่าง โดยหลักๆ จะเป็นสารที่ช่วยให้มีการหลั่งน้ำดีมากขึ้น ทำให้ลดการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี มีฤทธิ์เทียบเท่ากับวิตามันซีด้วย ช่วยในการบำรุงหลอดเลือดพร้อมกับหัวใจได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยขับไขมันและคอเรสเตอรอลออกจากตัวของเราได้ด้วย

ว่านชักมดลูก มีวิธีกินอย่างไร?

  1. การรับประทานว่านชักมดลูกนั้น สามารถโภคได้หลายแบบ อย่างเช่น กินหัวสด กินแบบตำแล้ว หรือว่าอาจจะกินจากผง ซึ่งการกินแต่ละแบบนั้น ก็จะแตกต่างกันออกไป โดยกินแบบหัวสดนั้น ผู้หญิงที่เพิ่งคลอดบุตรใหม่ จะนิยมกินด้วยวิธีนี้ เพื่อแก้โรคโรคลำไส้ หรือจะนำเอาว่านชักมดลูกไปล้างน้ำให้สะอาด แล้วนำไปต้ม เอาน้ำมาดื่ม เพื่อปกปักรักษาโรคริดสีดวงทวาร หรือไม่ก็ว่าจะฝนให้ละเอียด แล้วผสมกับสุราดื่ม โดยวิธีนี้จะช่วยบำบัดมดลูกพิการได้ หรือจะฝานว่านชักมดลูกออกเป็นชิ้นๆ แล้วนำไปปิ้งหรือย่าง ก่อนนำมาดองเหล้าก็ได้ โดยวิธีนี้จะช่วยลดอาการตกขาวได้ สุดท้ายสำหรับการทานแบบหัวสด คือการนำว่านชักมดลูกไปดองเหล้าจากนั้น ก่อนจะกินก็ให้เอาไปหมักกับน้ำปูนใส โดยวิธีนี้จะช่วยในผู้หญิงที่แท้งลูก ทำให้ความเจ็บป่วยต่างๆหายไปได้
  1. การบริโภคแบบผง จะเป็นการนำว่านชักมดลูกมาตำให้ละเอียด แล้วผสมกับน้ำผึ้ง แล้วปั้นเป็นลูกกรอก จะทำให้ทานง่ายขึ้น เพราะว่ามีลักษณะคล้ายกับเม็ดยานั่นเอง ซึ่งวิธีนี้จะช่วยในการขับไขมันพร้อมทั้งคอเรสเตอรอลออกจากเส้นเลือดได้ นอกจากนี้แล้ว ยังมีว่านชักมดลูกแบบสำเร็จรูป ที่ขายตามร้ายขายยา ซึ่งวิธีกินว่านชักมดลูกแบบสำเร็จรูปนั้น จะมีวิธีบริโภคติดไว้อยู่ข้างขวดนั่นเอง


รูปแบบกับวิธีการใช้ ว่านชักมดลูก ตามตำราโบราณ

      1. แก้ปวดมดลูก ช่วยให้มดลูกเข้าอู่ 
          - นำหัวว่านชักมดลูกมาฝนกับเหล้าดื่ม หรือใช้ปรุงยาต้ม แก้มดลูกพิการปวดบวม ทำให้มดลูกรัดตัวเล็กลง เรียกว่า มดลูกเข้าอู่ สำหรับสตรีที่คลอดบุตรใหม่
      2. โรคลำไส้ ริดสีดวงทวาร
          - นำหัวว่านสดมารับประทานแก้โรคลำไส้ หรือไม่ก็ ใช้หัวว่านชักมดลูกตำเป็นผงกินกับน้ำร้อน แก้ริดสีดวงทวารชนิดกลีบมะไฟ กับเดือยไก่
          - หรือนำหัวว่านชักมดลูกสด รับประทานแก้โรคริดสีดวงทวารได้ โดยตำให้แหลกผสมน้ำผึ้งปั้นเป็นลูกกลอน หรือว่าจะดื่มกับน้ำร้อนก็ได้ผลเช่นเดียวกัน
      3. แก้อาการมดลูกพิการ เหรอแก้มุตกิตระดูขาว
          - ให้นำหัวว่านชักมดลูกไปฝานเป็นชิ้นๆ จากนั้นนำไปปิ้งหรือย่างไฟให้แห้ง แล้วไปนำมาดองกับเหล้าสกัดสักสองสามวัน ดื่มวันละสองเวลาก่อนอาหาร จะช่วยบำบัดอาการทั้งหลายเหล่านั้นให้สิ้นไป หรือหากแท้งลูกใหม่ๆ ก็ให้ทานว่านชักมดลูกนี้กับเหล้า หรือน้ำปูนใสอาการเจ็บป่วยต่างๆจะหายไปได้
      4. แก้กษัย ปัสสาวะขุ่น เบาแดง เบาเหลือง เบาหวาน
          - สำหรับท่านชายหากเป็นกษัย ปัสสาวะขุ่นข้อง เบาแดง เบาเหลือง หรือขุ่นข้น เบาหวาน จะแก้ให้หายได้ โดยดื่มน้ำดองหัวว่านเป็นระยะเวลาเป็นประจำ ก็จะปราศจากอาการดังกล่าว
      5. รักษาผู้ชายที่เป็นไส้เลื่อน กระบังลมเคลื่อน
          - ให้นำหัวว่านชักมดลูกมาโขลก ผสมกับเหล้าขาว 40 ดีกรี กรองเอาแต่น้ำดื่ม

ข้อควรระวังในการใช้ว่านชักมดลูก

     1. มีอาการตกขาวมากกว่าปกติ ซึ่งเป็นเรื่องที่พบได้บ่อยที่สุด แต่ก็มีคำแนะนำว่าสามารถรับประทานต่อไปได้เลย
     2. มีอาการวิงเวียนศีรษะ ปวดศีรษะ ตัวร้อน มีอาการไอเหมือนจะเป็นไข้ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นได้สุภาพสตรีที่ร่างไม่แข็งแรง กับมีคำแนะนำว่าให้หยุดรับประทานสักพักจนกว่าอาการไข้จะหายไป แล้วให้รับประทานต่อในปริมาณที่ลดลงครึ่งหนึ่ง 
     3. มีผื่นขึ้นบริเวณผิวหนังและตามลำตัว ซึ่งเป็นอาการที่พบได้น้อย มีคำแนะนำว่าถ้าหากอาการไม่รุนแรงมากจนเกินให้บริโภคต่อได้ แต่ถ้าผื่นมากก็ให้ลปริมาณลงครึ่งหนึ่ง หากอาการดีขึ้นค่อยกลับมารับประทานในปริมาณที่กำหนด
     4. มีอาการปวดหน้าอก ตึงหน้าอก หรือปวดมดลูก ช่องคลอด แนะนำว่าหากมีอาการดังกล่าวให้ลดปริมาณยาลงครึ่งหนึ่ง หลังจากอาการดีขึ้นค่อยรับประทานในปริมาณที่กำหนด
     5. สำหรับสตรีวัยทอง หรือวัยหมดประจำเดือน หลังจากรับประทานอาจจะมีประจำเดือนใหม่เกิดขึ้นได้ โดยคุณสามารถรับประทานต่อไปได้ ประจำเดือนก็จะค่อยๆ หมดไปเอง
     6. หากรับประทานว่านชักมดลูก ห้ามกินของคาวจัด หรือมันเลี่ยนเกินไป เพราะจะทำให้ตัวยาอ่อนฤทธิ์ลงได้

นอกจากนี้แล้ว ว่านชนิดนี้ยังช่วยในการเยียวยาอาการของผู้หญิงได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอาการที่ประจำเดือนมาไม่ปกติ มาแล้วขาดๆ หายๆ ตกขาว น้ำคาวปลา พร้อมทั้งรวมไปถึงริดสีดวงทวาร ซึ่งอาการเหล่านี้จะหายไป เมื่อใช้ว่านชักมดลูกบรรเทา โดยในสมัยนี้นี้ มีนักวิทยาศาสตร์หลายคน นำเอาว่านชักมดลูกมาแปรรูปให้เป็นยา เพื่อสะดวกในการกิน พร้อมด้วยหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดเกี่ยวกับว่านชักมดลูกก็คือ สามารถช่วยบรรเทาผู้หญิงที่กำลังเข้าสู่วัยทองได้ อย่างที่เรารู้กันอยู่แล้วว่า หญิงวัยทองส่วนใหญ่มักจะมีอาการหงุดหงิด แสบร้อนตามผิวหนัง บางคนมีไขมันอุดตันในเส้นเลือด รวมไปถึงเป็นโรคกระดูกพรุนได้ ซึ่งสภาวะเหล่านี้ จะนำไปสู่ความผิดปกติของเซลล์ในร่างกาย จนอาจกลายเป็นโรคเรื้อรัง กับโรคมะเร็งได้



เวปไซต์ thaiherbweb.com
Line ID  THAIHERBWEB และ THAIHERBWEB1
เพสบุุ๊ค  https://www.facebook.com/ThaiHerbClub/
เบอร์โทร 0973199029, 0805842717, 021387031, 0863515214

วันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2559

งาดำ งาดำแคปซูลสรรพคุณรักษาโรค บำรุงข้อกระดูก ชะลอความชรา


                   


 งาดำ เมล็ดธัญพืชเล็ก ๆ ที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางของกิน และสรรพคุณในการบำรุงอนามัย จึงทำให้งาดำขึ้นแท่นหมายถึงหนึ่งในซูเปอร์ฟู้ดที่คนรักอนามัยไม่ควรพลาด แต่เคยทราบกันบ้างหรือไม่ว่าในเมล็ดเล็กจิ๋วของงาดำนี้มีสารอาหารอะไร และมีประโยชน์อย่างไรกับสุขภาพบ้าง ลองไปดูพร้อมกันเลยดีกว่า จักได้มั่นใจว่างาดำน่ะดีกับสุขภาพอนามัยจริง ๆ

งาดำ ภาษาอังกฤษ คือ Black Sesame Seeds มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Sesamum indicum Linn. เป็นต้นไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในแถบประเทศเอธิโอเปีย ถูกนำเข้ามาในอินเดีย จีน แอฟริกาเหนือ พร้อมทั้งเอเชียใต้เมื่อประมาณ 2,000 ปีก่อน งาดำเป็นงาชนิดเดียวกับงาขาว ทว่าแตกต่างกันที่สีของเมล็ดเท่านั้นเอง

 ในประเทศไทย งาดำแคปซูล ถูกนำมาใช้ผลกำไรทั้งในด้านยารักษาโรค อาหาร พร้อมทั้งเครื่องสำอาง ไม่ว่าจะเป็นขนม เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ นำไปเติมลงในอาหาร หรือแม้แต่นำไปสกัดเป็นน้ำมันงาดำ เนื่องจากอุดมไปด้วยคุณค่าทางของกินกับมีคุณสมบัติทางอาหารการกินการ

คนโบราณนิยมใช้น้ำมันงาในการรักษาตัวเองมานานหลายพันปีมาแล้ว ทั้งในประเทศอินเดียพร้อมด้วยจีน งาดำแคปซูลสรรพคุณ ต่างๆที่รวบรวมได้มีทั้งนี้
ในงาดำยังมีโปรตีนบางชนิด ที่เป็นกรดอะมิโนจำเป็น ที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นมาเองได้ ช่วยในเรื่องการนอนหลับทำให้หลับพักผ่อนสบาย ช่วยบำรุงกระดูก ดูแลการเกิดโรคกระดูกเปราะกระดูกพรุน ป้องกันการเกิดโรคท้องผูก บรรเทาอาการริดสีดวงทวาร ต้านทานอาการข้ออักเสบ โรคข้อเสื่อม มีสรรพคุณต้านแบคทีเรีย รา และไวรัส ลดการอักเสบ ลดการเกิดการอุดตันของหลอดเลือด ใช้กับโรคเรื้อรัง เช่น ตับอักเสบ เบาหวาน และปวดศีรษะเรื้อรัง สกัดการเติบโตของเซลล์มะเร็งผิวหนัง และเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่ ต้านอนุมูลอิสระ ใช้กลั้วคอด้วยกันบ้วนปากจะลดเชื้อที่ทำให้เกิดเหงือกอักเสบ เชื้อก่อโรคเจ็บคอ และเชื้อหวัด ใช้หยอดจมูก (1-2 หยด) เมื่อเป็นไซนัสพบว่าได้ผลดี ใช้ทาผิวผู้เป็นโรคสะเก็ดเงินหรือไม่ก็เรื้อนกวาง (Psoriasis) พร้อมกับผู้มีผิวแห้ง ใช้ทาผิวพร้อมด้วยเคลือบเส้นผม เพื่อคุ้มครองรังสีอัลตราไวโอเลตจากแสงแดดพร้อมกับลม ช่วยจับสารพิษในกระแสเลือด ช่วยรักษาเหา ลดอาการปวดตามข้อได้ ชาวธิเบตใช้หยดจมูกข้างละ 1 หยดเพื่อช่วยให้นอนหลับ พร้อมด้วยลดความกระวนกระวาย ช่วยระบายท้อง


คุณลักษณะ

งามีไขมันจำเป็นที่ร่างกายสังเคราะห์เองไม่ได้ คือกรดไลโนเลอิก ร่างกายจะนำกรดไขมันดังกล่าวไปสร้างฮอโมนพรอสต้าแกลนดินฮีกัน ซึ่งทำหน้าที่ที่ทรงคุณสมบัติต่อร่างกายมากมายหลายด้านด้วยกัน อาทิ
1.  ช่วยขยายหลอดเลือด
2.  ช่วยลดความดันโลหิต
3.  ป้องกันเกล็ดเลือด (Plate Ket) เกาะกันเป็นลิ่ม ถ้าเกาะกันมากอาจอุดตันหลอดเลือดเล็กๆได้
ถ้าอุดตันหลอดเลือดหัวใจ ก็จะเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
ถ้าลิ่มเลือดไปอุดตันหลอดเลือดสมอง ก็จะป่วยเป็นอัมพาต อัมพฤกษ์ได้
ถ้าลิ่มเลือดอุดตันจอตา อาจทำให้ตาบอดได้ โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเบาหวานต้องระวัง

4.  ยับยั้งไม่ให้ร่างกายสร้างคอเลสเตอรอลมากเกินไป
5.  งามีแคลเซี่ยมสูงทำให้กระดูกแข็งแรงเพิ่มความหนาให้มวลกระดูก
งามีแคลเซี่ยมสูงมากกว่าพฤกษ์ทั่วไปถึง 40 เท่า ทั้งยังมีฟอสฟอรัสมากถึง 20 เท่า สาร 2 ตัวนี้เป็นธาตุสำคัญในการเสริมสร้างกระดูกพร้อมกับฟัน จึงควรให้เด็กกินงาจะได้เจริญเติบโตสูงใหญ่ สตรีวัยหมดประจำเดือนก็ควรกินงามากๆ เนื่องด้วยวัยนี้จะเกิดภาวะพร่องฮอร์โมนเอสโตเจน ทำให้มีการดึงแคลเซี่ยมาจากกระดูกพร้อมกับฟัน จึงมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคกระดูกพรุน กระดูกเสี่อม

นอกจากนี้ในงายังมีวิตามินอี ซึ่งเป็นสารต้านมะเร็ง และเป็นยาอายุวัฒนะทำให้ร่างกายสดชื่น ดูหนุ่ม - สาวและแก่ช้าลง  ที่สำคัญ งามีเลซิติน ซึ่งเป็นส่วนประกอบไขมันที่สำคัญมากในเซลล์ประสาท ต่อมไร้ท่อ สมอง หัวใจ ไต ควรรับประทานวันละ 1-2 ช้อนชา แล้วตามด้วยน้ำอุ่น จะทำให้จิตแจ่มใส อารมณ์ดี

เราจะเห็นว่างานั้นมีประโยชน์มากมาย แม้แต่โภชนาหลักของชาวมังสวิรัติยังขาดงาไม่ได้ เพราะโปรตีนของคนเราประกอบด้วยกรดอมิโนประมาณ 22 ชนิด แต่กรดอมิโนที่สรีระเราสร้างเองไม่ได้มีอยู่ 9 ชนิดด้วยกัน โปรตีนเหล่านี้มีอยู่ในถั่วเกือบครบถ้วน ยกเว้นกรดอมิโนที่ชื่อ เมทไธโอนีน ผMethionine) ซึ่งมีมากในเมล็ดงา


งาดำ กินอย่างไรให้ได้คุณประโยชน์ดีที่สุด ?

          งาดำมีประโยชน์มากมาย กับสามารถนำไปเติมในอาหารหรือเครื่องดื่มใด ๆ ก็ได้ แต่ถ้าอยากให้ร่างกายได้ประโยชน์จากงาดำสูงสุด แนะนำว่าเวลาทานควรเคี้ยวงาดำให้แตกก่อนแล้วค่อยกลืน หรือนำมาบดเป็นผงก่อนแล้วจึงนำมาโรยในอาหาร ก็จะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารจากงาดำมากขึ้น  การฉันงาดำเพื่อให้มีผลต่อกายมากที่สุด ก็คือการทานงาดำเป็นอาหาร แทนที่จะรับประทานงาดำที่เป็นสารสกัด โดยวิธีที่ดีที่สุดก็คือการบริโภคด้วยวิธีการเคี้ยวจะได้คุณประโยชน์มากที่สุด แต่หากเรานำมาโรยใส่ข้าวเหรอใสเครื่องดื่มในบางครั้งเราอาจจะไม่ได้เคี้ยวด้วยซ้ำ จึงทำให้ร่างกายดูดซึมได้ไม่ดีเท่าที่ควรหรือดูดซึมไม่ได้เลย ซึ่งวิธีการรับประทานก็ง่าย ๆ ด้วยการนำงาดำมาใส่กับขนมปังโฮลวีตรับประทานทุกเช้าวันละ 10 ช้อนสำหรับผู้สูงอายุ แต่สำหรับคนวัยทำงานก็วันละ 3-4 ช้อนก็เพียงพอแล้ว หรือจะอยู่ในรูปของน้ำเต้าหู้งาดำก็ได้เช่นกัน แต่การบริโภคที่ดีนั้นควรรับประทานอย่างเหมาะสมพร้อมรับประทานให้ครบ 5 หมู่เพื่อให้ร่างกายได้รับอรรถประโยชน์อย่างสูงสุดและหลากหลาย นอกจากการรับประทานแล้วเชี่ยวชาญนำเอาน้ำมันงามาใช้นวดทาบริเวณที่มีอาการปวดและ แวดเส้นเอ็นที่บาดเจ็บ เพราะว่าน้ำมันงามีคุณค่าที่ช่วยนำพาสมุนไพรชนิดอื่น ๆที่ถูกนำมาผสานดูดซึมเข้าไปได้ดีขึ้น

วันอังคารที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2559

สมุนไพรบำรุไต อาการการรักษา โรคไต ฟอกไต โรคไตห้ามทานอะไร


          โรคไต เป็นหนึ่งในโรคเรื้อรังที่รักษาไม่หาย ที่สำคัญคือไม่มีอาการ กว่าจะรู้ตัวแล้วมาพบแพทย์อาการก็หนักมากแล้ว จากผลการสำรวจพบว่าคนไทย ประมาณ 17.5% ป่วยเป็นโรคไตชั่วโมงละเกือบ 5 คน ที่สำคัญคือการรักษาผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้าย ทั้งกสมุนารฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม การล้างไตทางช่องท้อง การผ่าตัดเปลี่ยนไต ต้องใช้งบประมาณเฉลี่ย 250,000 บาท ต่อคนต่อปี ยังไม่นับรวม ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และค่าเสียโอกาสในการทำมาหากิน เรียกว่าล้างไต 1 ปี ซื้อรถได้ 1 คัน ถ้าล้างไต 3 ปี บางคนออาจสร้างบ้านได้ 1 หลัง เลยทีเดียว ด้วยนี้หากไม่ป่วยเป็นโรคไต ก็จะดีที่สุด       
ลดพุง ลดเสี่ยง เลี่ยงไตเสื่อม  
          สาเหตุของโรคไตเรื้อรังมักมาจาก "โรคเบาหวาน" และ"โรคความดันโลหิตสูง" ดังนั้นคนที่มีโรคประจำตัวเป็น 2 โรคนี้ ควรดูแลระดับน้ำตาลในเลือดและความดันฯ ให้ใกล้เคียงปกติมากที่สุด ส่วนคนที่สุขภาพดีควรหมั่นดูแลน้ำหนักตัวและเส้นรอบเอวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมเพราะ คนอ้วนจะมีความเสี่ยงเป็นโรคไตเพิ่มขึ้น 2 เท่า ส่วนคนที่มีรอบเอวมากกว่าครึ่งหนึ่งของส่วนสูงจะมีความเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง อินซูลินขี้เกียจทำงานเสี่ยงเป็นเบาหวานได้
     
    จากข้อมูลข้างต้นพบว่า แม้หญิงสาวจะมีน้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่มีรอบเอวมากกว่าครึ่งหนึ่งของส่วนสูง (เส้นรอบเอวที่เหมาะสมสำหรับหญิงสาวรายนี้คือไม่ควรเกิน 78.5 เซนติเมตร) ในทางการแพทย์จึงถือว่าหญิงสาวมีภาวะอ้วนลงพุง เป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดทั้งดรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง อีกทั้งพ่อและแม่ก็ป่วยเป็นความดันโลหิตสูงทั้งคู่ในอนาคตมากขึ้น ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันโรคไตจึงควรตั้งต้นลดพุงเพื่อลดโรค ป้องกันไตเสื่อมก่อนเป็นอันดับแรก
            การกินอาหารก่อนนอนปริมาณมาก โดยเฉพาะอาหารประเภทไขมันและแป้ง ทำให้ร่างกายได้รับพลังงานส่วนเกินมาเก็บไว้ในตู้กับข้าวที่ใหญ่ที่สุดของร่างกาย ซึ่งก็คือพุงของเรานั่นเอง ดังนั้นสาวๆ คนไหนที่อยากบอกลาพุงย้อยๆ ลองงดมื้อดึก หรือลองเลือกมื้อดึกที่ให้พลังงานต่ำดูนะคะ         
 ลดเค็มไว้ ไตไม่พัง
          นอกจากนี้ยังควรระมัดระวังอาหารเค็มด้วยเพราะมีโซเดียมสูงทำให้ความดันโลหิตสูงได้ วิธีการลดเค็มสามารถทำได้โดยไม่ปรุงน้ำปลาหรือเครื่องปรุงเพิ่มระหว่างกินอาหารกรณีที่ซื้ออาหารนอกบ้านกินเป็นหลัก ก็ควรหลีกเลี่ยงการกินน้ำในอาหารเช่น น้ำแกง น้ำผัดผัก ฯลฯ ที่สำคัญหากมื้อไหนมีการกินอาหารเค็ม ควรกินคู่กับผัก หรืออาจดื่มน้ำผักปั่นแทนน้ำผลไม้ที่ดื่มเป็นประจำแทนก็ได้ เพราะผักเป็นแหล่งของโพแทสเซี่ยมที่สามารถช่วยลดความดันโลหิตได้ แล้วก็อย่าลืมดื่มน้ำเปล่าตามมากๆ เพื่อกระตุ้นให้โซเดียมขับออกจากร่างกายในรูปของปัสสาวะ หรืออาจใช้การออกกำลังกาย ทำงานบ้านเพื่อช่วยขับสารโซเดียมออกทางเหงื่อแทนก็ไม่เลวค่ะ
          นอกจากการกินอาหารตามธงโภชนาการแล้ว ในหนึ่งวันเราควรดื่มน้ำสะอาดวันละ 1.5-2 ลิตร หรือ 6-8 แก้ว หลีกเลี่ยงสารเสพติดรวมถึงควันบุหรี่ และแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะควันบุหรี่เนื่องจากมีการศึกษาพบว่าร้อยละ 60 ของผู้ที่สุบบุหรี่มีแนวโน้มป่วยเป็นโรคไต สิ่งสำคัญอีกประการคือการออกกำลังกายระดับปานกลางอย่างน้อย 30-60 นาทีต่อวัน หรือ 150 นาทีต่อสัปดาห์ เช่น เดินเร็ว ขึ่จักรยาน ว่ายน้ำ ฟุตบอล แบดมินตัน หรือเทนนิส เป็นต้น
          หากเราสามารถรักษาพฤติกรรมที่เหมาะสมได้ ตามที่กล่าวมา เชื่อว่าทุกท่านจะมีน้ำหนักตัวและเส้นรอบเอวอยู่่ในเกณฑ์เหมาะสมและเป็นผู้ห่างไกลจากโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และโรคไต ในอนาคตได้อย่างแน่นอน         
 กินป้องกันไตด้วยเทคนิค ลดพุง ลดอ้วน ลดโรค
  • ·         มื้อเช้าอย่าให้ขาด เพราะถ้าขาดเราจะหิว แล้วทำให้กินเยอะในมื้อถึดไป
  • ·         มื้อเช้ากินอย่างราชา กลางวันธรรมดา เย็นอย่างยาจก คือจัดสรรปริมาณอาหารให้กินในมื้อเช้ามากสุด รองลงมาคือกลางวัน และเย็นน้อยสุด หากกินกลับกันก็จะทำให้พุงพลุ้ยรอบเอวเกินในที่สุด
  • ·         กินอาหารสมดุลตามธงโภชนาการ กองโภชนาการ กระทรวงสาธารณสุข คือ 
  • ·         กินข้าวแป้ง เน้นแบบไม่ขัดสี เช่น ขนมปังโฮลสวีต ข้าวกล้อง 8-12 ทัพพี ต่อวัน
  • ·         กินผัก 5 สี 4-6 ทัพพีต่อวัน 
  • ·         กินผลไม้ 3-5 จานรองถ้วยกาแฟต่อวัน
  • ·         เลือกเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน เช่นเนื้อปลา ไข่ อกไก่ เนื้อหมูแดง 6-12 ช้อนกินข้าวต่อวัน
  • ·         เสริมแคลเซียมด้วยนมไขมันต่ำ หรือนมถั่วเหลืองเสริมแคลเซียม 1-2 แก้วต่อวัน
  • ·         กินน้ำมัน น้ำตาล และเกลือแต่น้อยเท่าที่จำเป็น    



เวปไซต์  www.thaiherbweb.com
Line ID>> @ THAIHERBWEB
Line code>>http://line.me/ti/p/%40thaiherbweb
เบอร์โทร 0973199029, 0805842717, 021387031, 0863515214