เบญจกูล สมุนไพรรสร้อน สมุนไพรแก้หนาว โรคหน้าหนาว คนแก่หนาว
หนาวทานอะไรดี
เชื่อ กันว่าพระฤาษีในชมพูทวีปก่อนสมัยพุทธกาลหลายร้อยปี ได้ค้นเจอตำรายาสมุนไพรเพื่อบังคับการกำกับรัตนธาตุหรือธาตุทั้ง
๕ ของสามัญชนให้คงอยู่ในสมดุลย์ ยาโบราณตำรับนี้มีชื่อว่า "เบญจกูล"
ซึ่งหมายถึงสมุนไพรที่มาร่วมด้วยช่วยกันเกื้อกูลชีวิต ๕ ชนิด ได้แก่
๑. ผลดีปลี ช่วย ระงับ "ธาตุปถวี โทษนั้นมี ๔๒ สถาน"
เป็นต้นว่า อาการผมร่วง เจ็บปาก เจ็บฟัน เจ็บอก เจ็บในท้อง เจ็บในสมอง เจ็บเนื้อ
เจ็บหลัง เจ็บเอ็น เจ็บกระดูก ขนลุกชัน ผิวหนังแตกระแหง เจ็บหลัง เจ็บตามข้อ
เมื่อเป็นหนักเข้าก็เจ็บไปทั่วตัว ผอมเหลือง รวมไปถึงแสดงอาการวิปริตทางจิต
นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย มักโกรธฉุนเฉียวง่าย กระทั่งเพ้อคลั่ง
๒. รากช้าพลู สนับสนุนระงับสรรพโทษ อันเกิดจากกองธาตุน้ำทั้ง ๑๒
แปรปรวน เป็นต้นว่า มีน้ำตาไหล เลือดกำเดาออกง่าย น้ำลายมาก เหงื่อโทรมตัว
ปัสสาวะมากเกินไป ปัสสาวะขัด ท้องแน่นเป็นดาน
ส่วนในทางจิตใจนั้นจะมีอาการหวาดสะดุ้งง่าย
๓. เถาสะค้าน ช่วย แก้อาการทั้งปวงในกองธาตุลมทั้ง ๖ เป็นต้นว่า
ท้องเต็มไปด้วยลม หาวเรอ ผายลม ถอนหายใจใหญ่ เบื่ออาหาร มือเท้าเย็น ปากแห้ง
คอแห้ง คลื่นเหียนอาเจียนจนถึงขั้นหายใจขัดเหรอหายใจเข้าน้อย หายใจออกมา
๔. รากเจตมูลเพลิงแดง ช่วยระงับโทษอันบังเกิดจากธาตุไฟทั้ง ๔
เป็นต้นว่า ตัวเย็น ไอแห้ง ปวดท้องไม่หาย นัยน์ตามัว มือเท้าเป็นเหน็บชา
เบื่ออาหาร ชอบนอนนานแล้วไม่อยากลุกขึ้น หายใจถี่
๕. เหง้าขิง ช่วยคุมกองอากาศธาตุทั้ง ๑๐ ให้เป็นปกติ
โทษของอากาศธาตุนั้นมีเพียง ๒ ประการคือหูลั่นดังกรอกแกรก
และถ้าถึงขั้นมองดูมือตนเองไม่เห็น ก็เป็นสัญญาณว่าจะสิ้นชีวิตภายใน ๒ วัน
ดังคำแพทย์โบราณท่านว่า "อากาศธาตุแตกนั้น ในหูลั่นกรอก
กลอกตาแลดูนิ้วแลหัตถาห่อนปรากฏจักษุตน โทษสองประการนั้น ยังสองวันชีวาตน
จักดับถึงอับจน กล่าวไว้แท้แน่ตำรา"
สมุนไพร ทั้ง ๕ ตัว ได้แก่ ดีปลี ช้าพลู สะค้าน เจตมูลเพลิงแดง และขิง
ซึ่งนำมาสังเคราะห์เป็นยาเบญจกูลนี้เป็นเครื่องยาไทยที่หาได้ง่าย
ซึ่งแพทย์แผนไทยทุกคนต้องรู้ด้วยกันร้านขายยาสมุนไพรไทยทุกร้านต้องเจียดยาตำรับ
นี้ได้ เพียงแต่ผู้คนนอกวงการส่วนใหญ่
ยังไม่รู้จักชื่อเสียงคุณลักษณะครอบจักรวาลธาตุของยาพระฤาษีบอกตำรับนี้
สูตรยามหาพิกัดเบญจกูล มีตัวยาพร้อมทั้งส่วนน้ำหนักยาดังนี้
ผงดีปลี ๒๐ ส่วน เทียบเท่ากับธาตุดิน ๒๐ ประการ
รากช้าพลู ๑๒ ส่วน เทียบเท่ากับธาตุน้ำ ๑๒ ประการ
เถาสะค้าน ๖ ส่วน เทียบเท่ากับธาตุลม ๖ ประการ
รากเจตมูลเพลิงแดง ๔ ส่วน เทียบเท่ากับธาตุไฟ ๔ ประการ
เหง้าขิง ๑๐ ส่วน เทียบเท่ากับเท่ากับธาตุอากาศ ๑๐ ประการ
การปรุงยา นำตัวยาทั้งหมดมาบดเป็นผงละเอียด
ผสานคลุกเคล้าให้เข้ากัน จะกินเป็นยาผง
หรือนำไปผสมน้ำผึ้งปั้นเป็นเม็ดลูกกลอนหรือนำไปบรรจุเป็นแคปซูลก็ได้
ยาเบญจกูล ทานได้เป็นประจำทุกวันเพื่อบำรุงธาตุทั้ง ๕ ให้เป็นปกติสมุนไพรรสร้อน
มีข้อห้ามสำหรับเด็กเล็กและสตรีมีครรภ์ ไม่ควรบริโภค เพราะเบญจกูลเป็นยารสเผ็ดร้อน
มีฤทธิ์บีบมดลูก หากจะกินต้องลดขนาดลงครึ่งหนึ่ง