สมุนไพร รากสามสิบ

สาวร้อยผัว สมุนไพรที่ใกล้ถูกลืม สรรพคุณ ช่วยในการกระชับช่องคลอด ลดตกขาว ปวดประจำเดือน แลปัญหาระบบภายในช่องคลอด แก้อาการวัยทอง บำรุงน้ำนม ประจำเดือนมาไม่ปกติชลอความแก่ แก้ช่องคลอดอักเสบ บำรุงผิวพรรณ

สมุนไพร กระชายดำแท้

กระชายดำเป็นสมุนไพรในกลุ่มร้อน มีรสขม เผ็ดร้อน สรรพคุณสำหรับผู้ชาย ช่วยบำรุงฮอร์โมนเพศชาย กระตุ้นประสาท ทำให้กระชุ่มกระชวย บำรุงกำลัง เป็นยาอายุวัฒนะ สรรพคุณสำหรับ ช่วยบำรุงเลือดสตรี แก้ตกขาว ทำให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ สตรี

สมุนไพร ตรีผลา

ตรีผลา ลดน้ําหนัก ช่วยควบคุมน้ำหนัก ช่วยลดน้ำหนักและมวลไขมันออกจากร่างกาย ช่วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันความเสื่อมของเซลล์ต่างๆในร่างกาย ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้มีอายุยืนยาว

สมุนไพร กวาวเครือขาว

ประโยชน์ของกวาวเครือขาวช่วยบำรุงผิวพรรณให้เต่งตึง เปล่งปลั่งสดใสนุ่มนวลเรียบเนียน เป็นสมุนไพรอายุวัฒนะ มีส่วนช่วยในการชะลอวัย ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัย และลดเลือนริ้วรอยบริเวณผิวหน้าและผิวกาย

วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2559

เบญจกูล สมุนไพรรสร้อน สมุนไพรแก้หนาว โรคหน้าหนาว คนแก่หนาว หนาวทานอะไรดี


เบญจกูล สมุนไพรรสร้อน สมุนไพรแก้หนาว โรคหน้าหนาว คนแก่หนาว หนาวทานอะไรดี


ตำรับยาพระฤาษีบอกอย่าง เบญจกูล เป็นภูมิปัญญา สมุนไพรรสร้อน สมุนไพรแก้หนาว ที่เคยใช้ดูแลบรรเทาสุขภาพมานานนับพันปี น่าจะนำกลับมาใช้กันอย่างต่อเนื่องในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะยาตำรับนี้เป็นยาเพื่อส่งเสริมอนามัยและสมดุลยภาพของสังขาร จิตใจให้เป็นปกติ แข็งแรง โรคหน้าหนาว คนแก่หนาวทานอะไรดี หลายคนคงมีคำถามนี้อยู่ในใจ


เชื่อ กันว่าพระฤาษีในชมพูทวีปก่อนสมัยพุทธกาลหลายร้อยปี ได้ค้นเจอตำรายาสมุนไพรเพื่อบังคับการกำกับรัตนธาตุหรือธาตุทั้ง ๕ ของสามัญชนให้คงอยู่ในสมดุลย์ ยาโบราณตำรับนี้มีชื่อว่า "เบญจกูล" ซึ่งหมายถึงสมุนไพรที่มาร่วมด้วยช่วยกันเกื้อกูลชีวิต ๕ ชนิด ได้แก่

๑. ผลดีปลี ช่วย ระงับ "ธาตุปถวี โทษนั้นมี ๔๒ สถาน" เป็นต้นว่า อาการผมร่วง เจ็บปาก เจ็บฟัน เจ็บอก เจ็บในท้อง เจ็บในสมอง เจ็บเนื้อ เจ็บหลัง เจ็บเอ็น เจ็บกระดูก ขนลุกชัน ผิวหนังแตกระแหง เจ็บหลัง เจ็บตามข้อ เมื่อเป็นหนักเข้าก็เจ็บไปทั่วตัว ผอมเหลือง รวมไปถึงแสดงอาการวิปริตทางจิต นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย มักโกรธฉุนเฉียวง่าย กระทั่งเพ้อคลั่ง

๒. รากช้าพลู สนับสนุนระงับสรรพโทษ อันเกิดจากกองธาตุน้ำทั้ง ๑๒ แปรปรวน เป็นต้นว่า มีน้ำตาไหล เลือดกำเดาออกง่าย น้ำลายมาก เหงื่อโทรมตัว ปัสสาวะมากเกินไป ปัสสาวะขัด ท้องแน่นเป็นดาน ส่วนในทางจิตใจนั้นจะมีอาการหวาดสะดุ้งง่าย
๓. เถาสะค้าน ช่วย แก้อาการทั้งปวงในกองธาตุลมทั้ง ๖ เป็นต้นว่า ท้องเต็มไปด้วยลม หาวเรอ ผายลม ถอนหายใจใหญ่ เบื่ออาหาร มือเท้าเย็น ปากแห้ง คอแห้ง คลื่นเหียนอาเจียนจนถึงขั้นหายใจขัดเหรอหายใจเข้าน้อย หายใจออกมา
๔. รากเจตมูลเพลิงแดง ช่วยระงับโทษอันบังเกิดจากธาตุไฟทั้ง ๔ เป็นต้นว่า ตัวเย็น ไอแห้ง ปวดท้องไม่หาย นัยน์ตามัว มือเท้าเป็นเหน็บชา เบื่ออาหาร ชอบนอนนานแล้วไม่อยากลุกขึ้น หายใจถี่
๕. เหง้าขิง ช่วยคุมกองอากาศธาตุทั้ง ๑๐ ให้เป็นปกติ โทษของอากาศธาตุนั้นมีเพียง ๒ ประการคือหูลั่นดังกรอกแกรก และถ้าถึงขั้นมองดูมือตนเองไม่เห็น ก็เป็นสัญญาณว่าจะสิ้นชีวิตภายใน ๒ วัน ดังคำแพทย์โบราณท่านว่า "อากาศธาตุแตกนั้น ในหูลั่นกรอก กลอกตาแลดูนิ้วแลหัตถาห่อนปรากฏจักษุตน โทษสองประการนั้น ยังสองวันชีวาตน จักดับถึงอับจน กล่าวไว้แท้แน่ตำรา"

สมุนไพร ทั้ง ๕ ตัว ได้แก่ ดีปลี ช้าพลู สะค้าน เจตมูลเพลิงแดง และขิง ซึ่งนำมาสังเคราะห์เป็นยาเบญจกูลนี้เป็นเครื่องยาไทยที่หาได้ง่าย ซึ่งแพทย์แผนไทยทุกคนต้องรู้ด้วยกันร้านขายยาสมุนไพรไทยทุกร้านต้องเจียดยาตำรับ นี้ได้ เพียงแต่ผู้คนนอกวงการส่วนใหญ่ ยังไม่รู้จักชื่อเสียงคุณลักษณะครอบจักรวาลธาตุของยาพระฤาษีบอกตำรับนี้


สูตรยามหาพิกัดเบญจกูล มีตัวยาพร้อมทั้งส่วนน้ำหนักยาดังนี้

ผงดีปลี ๒๐ ส่วน เทียบเท่ากับธาตุดิน ๒๐ ประการ
รากช้าพลู ๑๒ ส่วน เทียบเท่ากับธาตุน้ำ ๑๒ ประการ
เถาสะค้าน ๖ ส่วน เทียบเท่ากับธาตุลม ๖ ประการ
รากเจตมูลเพลิงแดง ๔ ส่วน เทียบเท่ากับธาตุไฟ ๔ ประการ
เหง้าขิง ๑๐ ส่วน เทียบเท่ากับเท่ากับธาตุอากาศ ๑๐ ประการ
การปรุงยา นำตัวยาทั้งหมดมาบดเป็นผงละเอียด ผสานคลุกเคล้าให้เข้ากัน จะกินเป็นยาผง หรือนำไปผสมน้ำผึ้งปั้นเป็นเม็ดลูกกลอนหรือนำไปบรรจุเป็นแคปซูลก็ได้

ยาเบญจกูล ทานได้เป็นประจำทุกวันเพื่อบำรุงธาตุทั้ง ๕ ให้เป็นปกติสมุนไพรรสร้อน มีข้อห้ามสำหรับเด็กเล็กและสตรีมีครรภ์ ไม่ควรบริโภค เพราะเบญจกูลเป็นยารสเผ็ดร้อน มีฤทธิ์บีบมดลูก หากจะกินต้องลดขนาดลงครึ่งหนึ่ง  


เวปไซต์ thaiherbweb.com
Line ID @THAIHERBWEB
Line code>>
http://line.me/ti/p/%40thaiherbweb
เบอร์โทร 0973199029, 0805842717, 021387031, 0863515214
EMAIL
thaiherbweb@gmail.com


วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

สวยสองพันปี...ด้วย "รากสามสิบ"

สวยสองพันปีด้วย..."รากสามสิบ"

 มีสมุนไพรหลายชนิดที่มีสมญาแปลกไม่คุ้นหู บางชื่อก็ไพเราะ อาทิ กรุงเขมา ตาตุ่มทะเล พิลังกาสา พร้อมกับยังมีอีกชนิดที่ชื่อเตะตา ต้องใจเหลือเกินคือ สาวน้อยผัวเป็นสมุนไพรที่โชว์ในงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติครั้งที่ 3 เมื่อปี 2549 เพียงแค่นามก็คงโดนใจหลายๆ คน สมุนไพรรากสามสิบชนิดนี้ถูกเอ่ยอ้างในคัมภีร์พระเวท นับว่าเป็นสมุนไพรรากสามสิบสรรพคุณที่มีการใช้มาช้านานหลายพันปีแล้วฟังชื่อหลายคนอาจตั้งคำถามว่า จะดังกับรากราคะที่ นางกลีบผกา ตัวเอกในละครเรื่องแรมพิศวาส ใช้ทำเสน่ห์หรือเปล่า สมุนไพรชนิดนี้ ที่นอกจากจะเด่นในทางยาและของกินแล้วยังสามารถนำไปแจงรูปเป็นผลิตภัณฑ์เสริมความงามได้อีกด้วยแต่เป็นความสวยงามจากด้านในคือสวยแบบพลานามัยดีนั่นเอง ค่ะ

สมุนไพรหลากหลายสรรพคุณ

สาวร้อยผัวเป็นสมุนไพรที่ปัจจุบันอาจไม่ค่อยมีคนรู้จักยกเว้นหมอยาสมุนไพรโบราณแต่ถ้าเรียก รากสามสิบก็จะปรากฏในตำราพฤกษาสมุนไพร รากสามสิบมีชื่อเรียกหลายชื่อต่างกันในแต่ละท้องถิ่นและมีการนำไปใช้ประโยชน์ในหลายๆด้านเช่นที่จังหวัดกาญจนบุรีเรียกต้น สามร้อยราก ภาคกลางทั่วไปเรียกรากสามสิบหรือสามร้อยราก นิยมนำรากไปทำแช่อิ่ม ในชื่อเมนู รากสามสิบแช่อิ่ม ส่วนภาคอีสานเรียกว่าผักชีช้างรับประทานเป็นผักได้ใช้ยอดอ่อน ผลอ่อน โดยรับประทานสดสดนำมาต้มหรือแกงอ่อมก็ได้เช่นกัน ซึ่งให้กลิ่นหอมคล้ายผักชีลาว ทางภาคเหนือจะเรียกว่า จ๋วงเครือ หรือเรียกม้าสามต๋อนใช้เป็นยาดองเป็นยาบำรุงสำหรับเพศชาย ส่วนภาคใต้และคนโคราชเรียก ผักหนามเพราะต้นมีหนาม สรรพคุณทางยาของรากสามสิบคือ บำรุงครรภ์ บำรุงตับปอด บำรุงกำลัง ขับปัสสาวะ รากมีรสเย็นหวาน สามารถนำรากมาต้ม เชื่อมหรือทำแช่อิ่มรับประทานเป็นอาหาร(กรอบดีมาก)
ในต่างประเทศที่หยิบยกมากที่สุดคือประเทศอินเดียใช้รากสามสิบทำเป็นของหวานเช่นเดียวกับเมืองไทยรากของสมุนไพรชนิดนี้ยังอาจนำมาทุบ เหรอขูดกับน้ำเพื่อใช้ซักเสื้อผ้าได้อีกด้วยสรรพคุณอื่นอื่นๆ ได้แก่การนำมาผลิตน้ำสกัดชีวภาพต้านเชื้อรา ฆ่าแมลง ฆ่าหอย และด้วยความสวยงามของต้น ทั้งกิ่งก้านและใบจึงสามารถนำมาเป็นไม้ประดับ หรือไม่ก็ ใช้จัดดอกไม้ได้ดีทีเดียว

สวยแบบสาวสองพันปีสำหรับตำรับตำรายาสมุนไพร รากสามสิบ หรือ สาวร้อยผัว เมื่อเคล้าคละกับรากของสมุนไพรอื่นอื่นๆ อาทิรากคะคลอง รากมะเดื่อชุมพร ดินประสิว ต้มด้วยน้ำมะพร้าวนาฬิเก ใช้เป็นยาแก้ไข้ได้ดีนัก หมอยาพื้นบ้านโบราณจะใช้สาวร้อยผัวปรุงเป็นยาบำรุงสำหรับสตรี ดังนั้นที่มาของชื่อ สาวร้อยผัวในที่นี้จึงหมายความในแง่ที่ว่าไม่ว่าสตรีใดจะอายุเท่าไรก็ยังสามารถมีลูกมีสามีได้ความหมายจึงเป็นไปในเชิงเป็นสาวสองพันปีอย่างไรอย่างนั้นโดยที่หมอโบราณจะนำรากมาต้มกิน หรือรักษาแห้งบดแล้วปั้นเป็นลูกกลอนกินกับน้ำผึ้ง  ไม่เพียงแต่ตำรายาไทยไทย เท่านั้นที่กล่าวถึงสรรพคุณสมุนไพรรากสามสิบชนิดนี้ในตำราอายุรเวทเองยังกล่าวถึงการใช้รากสามสิบเป็นสมุนไพร หลักสำหรับบำรุงสตรี โดยการทำให้สตรีกลับมาเป็นสาวนอกจากนี้ยังช่วยแก้ปัญหาอื่นๆของผู้หญิง เช่น ภาวะประจำเดือนไม่ปกติ ปวดประจำเดือนภาวะมีบุตรยาก ตกขาว ภาวะอารมณ์ทางเพศเสื่อมถอย ภาวะหมดประจำเดือน และใช้บำรุงน้ำนม บำรุงครรภ์ ป้องกันการแท้ง 

ทว่า... สมุนไพรชนิดนี้หาใช่แต่จะโดดเด่นต่อเพศหญิงเพศเพียงอย่างเดียวไม่ ในอินเดียยังใช้ในการเพิ่มพลังทางเพศให้กับชายรุ่นอีกด้วย ซึ่งก็คล้ายกับทางภาคเหนือของไทยที่ใช้เป็นยาดองเพื่อเพิ่มพลังทางเพศของบุรุษเป็นที่น่าดึงดูดว่าตำรายาอินเดีย ยังนำรากสามสิบไปใช้เพื่อบำบัดอาการอื่นๆอีกมาก เช่น เป็นยาแก้ไอ ยารักษาโรคกระเพาะ ยาแก้บิด แก้ไข้ แก้อักเสบ มีข้อมูลบ่งบอกว่ารากสามสิบเป็นสมุนไพรที่ใช้มากที่สุดในอินเดียชนิดหนึ่ง

สมุนไพรเศรษฐกิจที่น่าสังเกต

นอกเหนือจากสรรพคุณที่กล่าวโดยทั่วไปแล้วยังมีการนำ "สาวร้อยผัวหรือ รากสามสิบไปศึกษาวิจัยในห้องแลปมากพอสมควร สาระสำคัญที่พบใน สาวร้อยผัวได้แก่ apsaragamine A มีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาคือต้านเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา คลายกล้ามเนื้อของมดลูก บำรุงหัวใจ แก้การอักเสบ แก้ปวด มีฤทธิ์อย่างฮอร์โมนเอสโตรเจน ยับยั้งเบาหวาน เป็นพิษต่อเซลล์มะเร็ง กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ต้านอาการเม็ดเลือดขาวต่ำ ลดระดับไขมันในเลือด รักษากล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ขับน้ำนมยับยั้งการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร


มีข้อพึงระวังประการหนึ่งในการใช้รากสามสิบ มีข้อพึงระวังประการหนึ่งในการใช้รากสามสิบด้วยเหตุที่สมุนไพรชนิดนี้หายไปจากสังคมไทยเสียนานการที่จะนำมาใช้เป็นยาอีกครั้งจึงควรระมัดระวังเพราะเป็นสมุนไพรที่ออกฤทธิ์คล้ายเอสโตรเจนจึงห้ามใช้ในสตรีที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง สาวร้อยผัว หรือ รากสามสิบ เป็นสมุนไพรที่มีสมรรถนะน่าจะฟื้นฟูนำกลับมาสู่สังคมไทยในรูปอาหาร ยาและสบู่ รวมทั้งสมุนไพรชนิดนี้ยังเป็นสมุนไพรที่อยู่ในรายการสินค้าที่จะลดภาษีภายใต้ขอบเขตการค้าเสรีอาเซียน - จีนในข้อตกลงไทย-จีน ตามพิกัดศุลกากรมีสถิติยืนยันว่ามีการส่งออกสมุนไพรชนิดนี้จากเมืองไทยในปริมาณค่อนข้างสูงรากสามสิบหรือสาวร้อยผัวอาจมีอยู่บทบาทพร้อมกับมีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงมากในอนาคตแต่อย่างไรก็ตามการนำมาใช้อรรถประโยชน์ในเชิงพาณิชย์จำเป็นต้องมีการศึกษาอย่างชัดเจน เพื่อให้เกิดความยั่งยืน สำหรับผู้ใช้

เวปไซต์ thaiherbweb.com
Line ID @THAIHERBWEB
เบอร์โทร 0973199029, 0805842717, 021387031, 0863515214
EMAIL
thaiherbweb@gmail.com


วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2559

งาดำ สมุนไพรงาดำสรรพคุณ บำรุงกระดูก ชะลอชรา

งาดำ ภาษาอังกฤษ คือ Black Sesame Seeds มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Sesamum indicum Linn. เป็นพืชที่มีแหล่งกำเนิดในแถบประเทศเอธิโอเปีย ถูกนำเข้ามาในอินเดีย จีน แอฟริกาเหนือ และเอเชียใต้เมื่อประมาณ 2,000 ปีก่อน งาดำเป็นงาชนิดเดียวกับงาขาว แต่แตกต่างกันที่สีของเมล็ดเท่านั้นเอง

   ในประเทศไทยงาดำถูกนำมาใช้ประโยชน์ทั้งในด้านยารักษาโรค โภชนา และเครื่องสำอาง ไม่ว่าจะเป็นขนม เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ นำไปเติมลงในอาหาร หรือแม้แต่นำไปสกัดเป็นน้ำมันงาดำ เนื่องจากอุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหาร โดยในงาดำปริมาณ 100 กรัม มีแคลอรี 573 กิโลแคลอรี และมีประโยชน์ทางข้าวปลาอาหารการดังนี้
          - น้ำ 4.69 กรัม
          - โปรตีน 17.73 กรัม
          - คาร์โบไฮเดรต 23.45 กรัม
          - ไฟเบอร์ 11.8 กรัม
          - น้ำตาล 0.30 กรัม
          - แคลเซียม 975 มิลลิกรัม
          - ธาตุเหล็ก 14.55 มิลลิกรัม
          - แมกนีเซียม 351 มิลลิกรัม
          - ฟอสฟอรัส 629 มิลลิกรัม
          - โพแทสเซียม 468 มิลลิกรัม
          - โซเดียม 11 มิลลิกรัม
          - สังกะสี 7.75 มิลลิกรัม
          - ไทอะมีน 0.791 มิลลิกรัม
          - ไรโบฟลาวิน 0.247 มิลลิกรัม
          - ไนอะซิน 4.515 มิลลิกรัม
          - วิตามินบี 6 0.790 มิลลิกรัม
          - โฟเลต 97 ไมโครกรัม
          - วิตามินอี 0.25 มิลลิกรัม
          - ไขมันอิ่มตัว 6.957 กรัม
          - ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว 18.759 กรัม
          - ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน 21.773 กรัม



สรรพคุณของงาดำ งาดำมีสารอาหารต่างๆ ที่จำเป็นต่อร่างมากมาย และยังมีสรรพคุณช่วยชะลอความแก่ให้ดูอ่อนกว่าวัย รวมไปถึงช่วยในการบำรุงผิวให้สดใสอยู่เสมอ  ในงาดำยังมีโปรตีนบางชนิด ที่เป็นกรดอะมิโนจำเป็น ที่ร่างไม่สามารถสร้างขึ้นมาเองได้ ช่วยในเรื่องการนอนหลับทำให้หลับพักผ่อนสบาย ช่วยบำรุงกระดูก ป้องกันการเกิดโรคกระดูกเปราะกระดูกพรุน ป้องกันการเกิดโรคท้องผูก บรรเทาอาการริดสีดวงทวาร ต้านทานอาการข้ออักเสบ โรคข้อเสื่อม

ประโยชน์ของงาดำ
งาดำ มีความสำคัญอย่างมากต่อความสมบูรณ์ของร่าง
  • ช่วยชะลอความแก่ คงความอ่อนเยาว์
  • ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส ชุ่มชื้น ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัย
  • ช่วยซ่อมแซมพร้อมด้วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับผิวหนังของคุณ
  • ประโยชน์ของงาดำช่วยทะนุบำรุงรากผมให้แข็งแรง และช่วยให้ผมดกเงางาม
  • ช่วยป้องกันผมหงอก
  • ช่วยเพิ่มพลังงานและความแข็งแรงของร่างกาย
  • ช่วยในการเผาผลาญกับสลายไขมัน ลดความอ้วน
  • ช่วยลดการดูดซึมกับการสังเคราะห์คอเลสเตอรอล
  • ช่วยปกป้องรักษาหลอดเลือดแข็งตัว
  • ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจ ทำให้ระบบหัวใจแข็งแรงยิ่งขึ้น
  • มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีส่วนช่วยปกป้องรักษาการเกิดโรคมะเร็ง
  • ช่วยลดความเครียด
  • ช่วยบำรุงระบบประสาทพร้อมกับสมอง ป้องกันการเสื่อมของเซลล์ในระบบประสาท
  • งาดำมีธาตุเหล็กซึ่งช่วยบำรุงโลหิต
  • ช่วยลดความดันโลหิต ขยายหลอดเลือด ป้องกันเกล็ดเลือดที่จะเกาะตัวกันเป็นลิ่ม
  • ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดขาว ซึ่งมีส่วนช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
  • การรับประทานงาดำพร้อมกันถั่วจะทำให้ร่างได้รับโปรตีนอย่างครบถ้วน ซึ่งบางตัวเป็นกรดอะมิโนจำเป็นที่ร่างไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้
  • ช่วยให้นอนหลับสบาย ร่างกระปรี้กระเปร่า
  • ช่วยป้องกันการเกิดโรคหวัด
  • ช่วยป้องกันการเกิดโรคเหน็บชา และตะคริว
  • ช่วยบำรุงกระดูกพร้อมกับป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุน
  • ช่วยป้องกันโรคท้องผูก
  • ช่วยบรรเทาอาการของโรคริดสีดวงทวาร
  • ช่วยต้านการอักเสบจากโรคข้อเสื่อม ยับยั้งการเสื่อมสลาย
  • น้ำมันงาสามารถนำมาใช้เป็นยานวดร่วมกับสมุนไพรอื่น ๆ เพื่อช่วยรักษาพยาบาลเส้นเอ็นอักเสบ
  • น้ำมันงาช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อาการปวดเข่า เคล็ดขัดยอก
  • ผู้กินมังสวิรัตินิยมใส่งาลงในอาหารถั่วเหลืองที่ปรุง เพื่อให้อาหารมีโปรตีนสมบูรณ์มากขึ้น
  • ผลงาดำในการนำมาแปรรูปเป็นงาดำแคปซูล



การรับประทานงาดำเพื่อให้มีผลต่อร่างกายและจิตใจมากที่สุดก็คือการทานงาดำเป็นอาหาร แทนที่จะทานงาดำที่เป็นสารสกัด โดยวิธีที่ดีที่สุดก็คือการบริโภคด้วยวิธีการเคี้ยวจะได้ค่ามากที่สุด แต่หากเรานำมาโรยใส่ข้าวหรือใส่เครื่องดื่ม ในบางครั้งเราอาจจะไม่ได้เคี้ยวด้วยซ้ำ จึงทำให้ร่างกายดูดซึมได้ไม่ดีเท่าที่ควรหรือดูดซึมไม่ได้เลย ซึ่งวิธีการทานก็ง่าย ๆ ด้วยการนำงาดำมาใส่กับขนมปังโฮลวีต กินทุกเช้าวันละ 10 ช้อนสำหรับผู้สูงอายุ แต่สำหรับคนวัยทำงานก็วันละ 3-4 ช้อนก็เพียงพอแล้ว หรือจะอยู่ในรูปของน้ำเต้าหู้งาดำก็ได้เช่นกัน แต่การรับประทานที่ดีนั้นควรบริโภคอย่างพอสมควรพร้อมบริโภคให้ครบ 5 หมู่เพื่อให้ร่างกายได้รับค่าอย่างสูงสุดและหลากหลาย นอกจากการกินแล้วสามารถนำเอาน้ำมันงามาใช้นวดทาบริเวณที่มีอาการปวดพร้อมด้วยป้องกันเส้นเอ็นที่บาดเจ็บ เพราะน้ำมันงามีคุณลักษณะที่ช่วยนำพาสมุนไพรชนิดอื่น ๆ ที่ถูกนำมาผสมดูดซึมเข้าไปได้ดีขึ้น

วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2559

สมุนไพรว่านชักมดลูกสรรพคุณ ว่านชักมดลูกทานอย่างไร สมุนไพรสำหรับสตรี


สมุนไพรว่านชักมดลูก


แนวทางทางด้านยาสมุนไพรโบราณ กำลังกลับมาเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมชมชอบเป็นอย่างมากในปัจจุบัน ซึ่งหนึ่งในยาแผนโบราณพวกนั้น ชื่อที่เรามักได้ยินผ่านหูกันบ่อยครั้งก็ได้แก่ “ว่านชักมดลูก” ที่ได้ถูกแปรรูปนำมาวางจัดจำหน่ายให้เห็นในท้องตลาดกันบ่อยครั้ง แต่เชื่อว่าหลายๆคนอาจจะยังสงสัยในคุณลักษณะของว่านชักมดลูกว่าเป็นอย่างไร กับวิธีกินว่านชักมดลูกแคปซูล ที่ถูกต้อง ต้องทำยังไงจึงจะให้ผลลัพธ์ที่เยี่ยมในการบำรุงสังขาร อย่างสูงสุดนั้น เรื่องราวน่าสนใจเกี่ยวกับสมุนไพรว่านชักมดลูกสรรพคุณเหล่านี้ สามารถติดตามอ่านได้จากบทความชิ้นนี้กันเลย 


  ว่านชักมดลูก เป็นสมุนไพรที่ถูกจัดอยู่ในวงศ์ของ “ขิง” เป็นกลุ่มเดียวกับขมิ้นชัน เป็นต้นที่มีลำต้น แต่มีหัวฝังตัวอยู่ใต้ดินซึ่ง ว่านชักมดลูกเองก็มีอยู่หลายสายพันธุ์ ว่านชักมดลูก ที่เรารู้จักกันมีอยู่ 2 ประเภทซึ่งอาจแบ่งได้ตามสายพันธุ์ คือ
1. ว่านชักมดลูกตัวผู้ มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Curcuma latifolia.
2. ว่านชักมดลูกตัวเมีย มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Curcuma comosa Roxb.

ว่านชักมดลูกสรรพคุณ

นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบว่า ภายในว่านชักมดลูกนั้น มีสาระสำคัญอยู่อีกหลายอย่าง โดยหลักๆ จะเป็นสารที่ช่วยให้มีการหลั่งน้ำดีมากขึ้น ทำให้ลดการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี มีฤทธิ์เทียบเท่ากับวิตามันซีด้วย ช่วยในการบำรุงหลอดเลือดพร้อมกับหัวใจได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยขับไขมันและคอเรสเตอรอลออกจากตัวของเราได้ด้วย

ว่านชักมดลูก มีวิธีกินอย่างไร?

  1. การรับประทานว่านชักมดลูกนั้น สามารถโภคได้หลายแบบ อย่างเช่น กินหัวสด กินแบบตำแล้ว หรือว่าอาจจะกินจากผง ซึ่งการกินแต่ละแบบนั้น ก็จะแตกต่างกันออกไป โดยกินแบบหัวสดนั้น ผู้หญิงที่เพิ่งคลอดบุตรใหม่ จะนิยมกินด้วยวิธีนี้ เพื่อแก้โรคโรคลำไส้ หรือจะนำเอาว่านชักมดลูกไปล้างน้ำให้สะอาด แล้วนำไปต้ม เอาน้ำมาดื่ม เพื่อปกปักรักษาโรคริดสีดวงทวาร หรือไม่ก็ว่าจะฝนให้ละเอียด แล้วผสมกับสุราดื่ม โดยวิธีนี้จะช่วยบำบัดมดลูกพิการได้ หรือจะฝานว่านชักมดลูกออกเป็นชิ้นๆ แล้วนำไปปิ้งหรือย่าง ก่อนนำมาดองเหล้าก็ได้ โดยวิธีนี้จะช่วยลดอาการตกขาวได้ สุดท้ายสำหรับการทานแบบหัวสด คือการนำว่านชักมดลูกไปดองเหล้าจากนั้น ก่อนจะกินก็ให้เอาไปหมักกับน้ำปูนใส โดยวิธีนี้จะช่วยในผู้หญิงที่แท้งลูก ทำให้ความเจ็บป่วยต่างๆหายไปได้
  1. การบริโภคแบบผง จะเป็นการนำว่านชักมดลูกมาตำให้ละเอียด แล้วผสมกับน้ำผึ้ง แล้วปั้นเป็นลูกกรอก จะทำให้ทานง่ายขึ้น เพราะว่ามีลักษณะคล้ายกับเม็ดยานั่นเอง ซึ่งวิธีนี้จะช่วยในการขับไขมันพร้อมทั้งคอเรสเตอรอลออกจากเส้นเลือดได้ นอกจากนี้แล้ว ยังมีว่านชักมดลูกแบบสำเร็จรูป ที่ขายตามร้ายขายยา ซึ่งวิธีกินว่านชักมดลูกแบบสำเร็จรูปนั้น จะมีวิธีบริโภคติดไว้อยู่ข้างขวดนั่นเอง


รูปแบบกับวิธีการใช้ ว่านชักมดลูก ตามตำราโบราณ

      1. แก้ปวดมดลูก ช่วยให้มดลูกเข้าอู่ 
          - นำหัวว่านชักมดลูกมาฝนกับเหล้าดื่ม หรือใช้ปรุงยาต้ม แก้มดลูกพิการปวดบวม ทำให้มดลูกรัดตัวเล็กลง เรียกว่า มดลูกเข้าอู่ สำหรับสตรีที่คลอดบุตรใหม่
      2. โรคลำไส้ ริดสีดวงทวาร
          - นำหัวว่านสดมารับประทานแก้โรคลำไส้ หรือไม่ก็ ใช้หัวว่านชักมดลูกตำเป็นผงกินกับน้ำร้อน แก้ริดสีดวงทวารชนิดกลีบมะไฟ กับเดือยไก่
          - หรือนำหัวว่านชักมดลูกสด รับประทานแก้โรคริดสีดวงทวารได้ โดยตำให้แหลกผสมน้ำผึ้งปั้นเป็นลูกกลอน หรือว่าจะดื่มกับน้ำร้อนก็ได้ผลเช่นเดียวกัน
      3. แก้อาการมดลูกพิการ เหรอแก้มุตกิตระดูขาว
          - ให้นำหัวว่านชักมดลูกไปฝานเป็นชิ้นๆ จากนั้นนำไปปิ้งหรือย่างไฟให้แห้ง แล้วไปนำมาดองกับเหล้าสกัดสักสองสามวัน ดื่มวันละสองเวลาก่อนอาหาร จะช่วยบำบัดอาการทั้งหลายเหล่านั้นให้สิ้นไป หรือหากแท้งลูกใหม่ๆ ก็ให้ทานว่านชักมดลูกนี้กับเหล้า หรือน้ำปูนใสอาการเจ็บป่วยต่างๆจะหายไปได้
      4. แก้กษัย ปัสสาวะขุ่น เบาแดง เบาเหลือง เบาหวาน
          - สำหรับท่านชายหากเป็นกษัย ปัสสาวะขุ่นข้อง เบาแดง เบาเหลือง หรือขุ่นข้น เบาหวาน จะแก้ให้หายได้ โดยดื่มน้ำดองหัวว่านเป็นระยะเวลาเป็นประจำ ก็จะปราศจากอาการดังกล่าว
      5. รักษาผู้ชายที่เป็นไส้เลื่อน กระบังลมเคลื่อน
          - ให้นำหัวว่านชักมดลูกมาโขลก ผสมกับเหล้าขาว 40 ดีกรี กรองเอาแต่น้ำดื่ม

ข้อควรระวังในการใช้ว่านชักมดลูก

     1. มีอาการตกขาวมากกว่าปกติ ซึ่งเป็นเรื่องที่พบได้บ่อยที่สุด แต่ก็มีคำแนะนำว่าสามารถรับประทานต่อไปได้เลย
     2. มีอาการวิงเวียนศีรษะ ปวดศีรษะ ตัวร้อน มีอาการไอเหมือนจะเป็นไข้ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นได้สุภาพสตรีที่ร่างไม่แข็งแรง กับมีคำแนะนำว่าให้หยุดรับประทานสักพักจนกว่าอาการไข้จะหายไป แล้วให้รับประทานต่อในปริมาณที่ลดลงครึ่งหนึ่ง 
     3. มีผื่นขึ้นบริเวณผิวหนังและตามลำตัว ซึ่งเป็นอาการที่พบได้น้อย มีคำแนะนำว่าถ้าหากอาการไม่รุนแรงมากจนเกินให้บริโภคต่อได้ แต่ถ้าผื่นมากก็ให้ลปริมาณลงครึ่งหนึ่ง หากอาการดีขึ้นค่อยกลับมารับประทานในปริมาณที่กำหนด
     4. มีอาการปวดหน้าอก ตึงหน้าอก หรือปวดมดลูก ช่องคลอด แนะนำว่าหากมีอาการดังกล่าวให้ลดปริมาณยาลงครึ่งหนึ่ง หลังจากอาการดีขึ้นค่อยรับประทานในปริมาณที่กำหนด
     5. สำหรับสตรีวัยทอง หรือวัยหมดประจำเดือน หลังจากรับประทานอาจจะมีประจำเดือนใหม่เกิดขึ้นได้ โดยคุณสามารถรับประทานต่อไปได้ ประจำเดือนก็จะค่อยๆ หมดไปเอง
     6. หากรับประทานว่านชักมดลูก ห้ามกินของคาวจัด หรือมันเลี่ยนเกินไป เพราะจะทำให้ตัวยาอ่อนฤทธิ์ลงได้

นอกจากนี้แล้ว ว่านชนิดนี้ยังช่วยในการเยียวยาอาการของผู้หญิงได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอาการที่ประจำเดือนมาไม่ปกติ มาแล้วขาดๆ หายๆ ตกขาว น้ำคาวปลา พร้อมทั้งรวมไปถึงริดสีดวงทวาร ซึ่งอาการเหล่านี้จะหายไป เมื่อใช้ว่านชักมดลูกบรรเทา โดยในสมัยนี้นี้ มีนักวิทยาศาสตร์หลายคน นำเอาว่านชักมดลูกมาแปรรูปให้เป็นยา เพื่อสะดวกในการกิน พร้อมด้วยหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดเกี่ยวกับว่านชักมดลูกก็คือ สามารถช่วยบรรเทาผู้หญิงที่กำลังเข้าสู่วัยทองได้ อย่างที่เรารู้กันอยู่แล้วว่า หญิงวัยทองส่วนใหญ่มักจะมีอาการหงุดหงิด แสบร้อนตามผิวหนัง บางคนมีไขมันอุดตันในเส้นเลือด รวมไปถึงเป็นโรคกระดูกพรุนได้ ซึ่งสภาวะเหล่านี้ จะนำไปสู่ความผิดปกติของเซลล์ในร่างกาย จนอาจกลายเป็นโรคเรื้อรัง กับโรคมะเร็งได้



เวปไซต์ thaiherbweb.com
Line ID  THAIHERBWEB และ THAIHERBWEB1
เพสบุุ๊ค  https://www.facebook.com/ThaiHerbClub/
เบอร์โทร 0973199029, 0805842717, 021387031, 0863515214

วันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2559

งาดำ งาดำแคปซูลสรรพคุณรักษาโรค บำรุงข้อกระดูก ชะลอความชรา


                   


 งาดำ เมล็ดธัญพืชเล็ก ๆ ที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางของกิน และสรรพคุณในการบำรุงอนามัย จึงทำให้งาดำขึ้นแท่นหมายถึงหนึ่งในซูเปอร์ฟู้ดที่คนรักอนามัยไม่ควรพลาด แต่เคยทราบกันบ้างหรือไม่ว่าในเมล็ดเล็กจิ๋วของงาดำนี้มีสารอาหารอะไร และมีประโยชน์อย่างไรกับสุขภาพบ้าง ลองไปดูพร้อมกันเลยดีกว่า จักได้มั่นใจว่างาดำน่ะดีกับสุขภาพอนามัยจริง ๆ

งาดำ ภาษาอังกฤษ คือ Black Sesame Seeds มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Sesamum indicum Linn. เป็นต้นไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในแถบประเทศเอธิโอเปีย ถูกนำเข้ามาในอินเดีย จีน แอฟริกาเหนือ พร้อมทั้งเอเชียใต้เมื่อประมาณ 2,000 ปีก่อน งาดำเป็นงาชนิดเดียวกับงาขาว ทว่าแตกต่างกันที่สีของเมล็ดเท่านั้นเอง

 ในประเทศไทย งาดำแคปซูล ถูกนำมาใช้ผลกำไรทั้งในด้านยารักษาโรค อาหาร พร้อมทั้งเครื่องสำอาง ไม่ว่าจะเป็นขนม เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ นำไปเติมลงในอาหาร หรือแม้แต่นำไปสกัดเป็นน้ำมันงาดำ เนื่องจากอุดมไปด้วยคุณค่าทางของกินกับมีคุณสมบัติทางอาหารการกินการ

คนโบราณนิยมใช้น้ำมันงาในการรักษาตัวเองมานานหลายพันปีมาแล้ว ทั้งในประเทศอินเดียพร้อมด้วยจีน งาดำแคปซูลสรรพคุณ ต่างๆที่รวบรวมได้มีทั้งนี้
ในงาดำยังมีโปรตีนบางชนิด ที่เป็นกรดอะมิโนจำเป็น ที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นมาเองได้ ช่วยในเรื่องการนอนหลับทำให้หลับพักผ่อนสบาย ช่วยบำรุงกระดูก ดูแลการเกิดโรคกระดูกเปราะกระดูกพรุน ป้องกันการเกิดโรคท้องผูก บรรเทาอาการริดสีดวงทวาร ต้านทานอาการข้ออักเสบ โรคข้อเสื่อม มีสรรพคุณต้านแบคทีเรีย รา และไวรัส ลดการอักเสบ ลดการเกิดการอุดตันของหลอดเลือด ใช้กับโรคเรื้อรัง เช่น ตับอักเสบ เบาหวาน และปวดศีรษะเรื้อรัง สกัดการเติบโตของเซลล์มะเร็งผิวหนัง และเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่ ต้านอนุมูลอิสระ ใช้กลั้วคอด้วยกันบ้วนปากจะลดเชื้อที่ทำให้เกิดเหงือกอักเสบ เชื้อก่อโรคเจ็บคอ และเชื้อหวัด ใช้หยอดจมูก (1-2 หยด) เมื่อเป็นไซนัสพบว่าได้ผลดี ใช้ทาผิวผู้เป็นโรคสะเก็ดเงินหรือไม่ก็เรื้อนกวาง (Psoriasis) พร้อมกับผู้มีผิวแห้ง ใช้ทาผิวพร้อมด้วยเคลือบเส้นผม เพื่อคุ้มครองรังสีอัลตราไวโอเลตจากแสงแดดพร้อมกับลม ช่วยจับสารพิษในกระแสเลือด ช่วยรักษาเหา ลดอาการปวดตามข้อได้ ชาวธิเบตใช้หยดจมูกข้างละ 1 หยดเพื่อช่วยให้นอนหลับ พร้อมด้วยลดความกระวนกระวาย ช่วยระบายท้อง


คุณลักษณะ

งามีไขมันจำเป็นที่ร่างกายสังเคราะห์เองไม่ได้ คือกรดไลโนเลอิก ร่างกายจะนำกรดไขมันดังกล่าวไปสร้างฮอโมนพรอสต้าแกลนดินฮีกัน ซึ่งทำหน้าที่ที่ทรงคุณสมบัติต่อร่างกายมากมายหลายด้านด้วยกัน อาทิ
1.  ช่วยขยายหลอดเลือด
2.  ช่วยลดความดันโลหิต
3.  ป้องกันเกล็ดเลือด (Plate Ket) เกาะกันเป็นลิ่ม ถ้าเกาะกันมากอาจอุดตันหลอดเลือดเล็กๆได้
ถ้าอุดตันหลอดเลือดหัวใจ ก็จะเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
ถ้าลิ่มเลือดไปอุดตันหลอดเลือดสมอง ก็จะป่วยเป็นอัมพาต อัมพฤกษ์ได้
ถ้าลิ่มเลือดอุดตันจอตา อาจทำให้ตาบอดได้ โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเบาหวานต้องระวัง

4.  ยับยั้งไม่ให้ร่างกายสร้างคอเลสเตอรอลมากเกินไป
5.  งามีแคลเซี่ยมสูงทำให้กระดูกแข็งแรงเพิ่มความหนาให้มวลกระดูก
งามีแคลเซี่ยมสูงมากกว่าพฤกษ์ทั่วไปถึง 40 เท่า ทั้งยังมีฟอสฟอรัสมากถึง 20 เท่า สาร 2 ตัวนี้เป็นธาตุสำคัญในการเสริมสร้างกระดูกพร้อมกับฟัน จึงควรให้เด็กกินงาจะได้เจริญเติบโตสูงใหญ่ สตรีวัยหมดประจำเดือนก็ควรกินงามากๆ เนื่องด้วยวัยนี้จะเกิดภาวะพร่องฮอร์โมนเอสโตเจน ทำให้มีการดึงแคลเซี่ยมาจากกระดูกพร้อมกับฟัน จึงมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคกระดูกพรุน กระดูกเสี่อม

นอกจากนี้ในงายังมีวิตามินอี ซึ่งเป็นสารต้านมะเร็ง และเป็นยาอายุวัฒนะทำให้ร่างกายสดชื่น ดูหนุ่ม - สาวและแก่ช้าลง  ที่สำคัญ งามีเลซิติน ซึ่งเป็นส่วนประกอบไขมันที่สำคัญมากในเซลล์ประสาท ต่อมไร้ท่อ สมอง หัวใจ ไต ควรรับประทานวันละ 1-2 ช้อนชา แล้วตามด้วยน้ำอุ่น จะทำให้จิตแจ่มใส อารมณ์ดี

เราจะเห็นว่างานั้นมีประโยชน์มากมาย แม้แต่โภชนาหลักของชาวมังสวิรัติยังขาดงาไม่ได้ เพราะโปรตีนของคนเราประกอบด้วยกรดอมิโนประมาณ 22 ชนิด แต่กรดอมิโนที่สรีระเราสร้างเองไม่ได้มีอยู่ 9 ชนิดด้วยกัน โปรตีนเหล่านี้มีอยู่ในถั่วเกือบครบถ้วน ยกเว้นกรดอมิโนที่ชื่อ เมทไธโอนีน ผMethionine) ซึ่งมีมากในเมล็ดงา


งาดำ กินอย่างไรให้ได้คุณประโยชน์ดีที่สุด ?

          งาดำมีประโยชน์มากมาย กับสามารถนำไปเติมในอาหารหรือเครื่องดื่มใด ๆ ก็ได้ แต่ถ้าอยากให้ร่างกายได้ประโยชน์จากงาดำสูงสุด แนะนำว่าเวลาทานควรเคี้ยวงาดำให้แตกก่อนแล้วค่อยกลืน หรือนำมาบดเป็นผงก่อนแล้วจึงนำมาโรยในอาหาร ก็จะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารจากงาดำมากขึ้น  การฉันงาดำเพื่อให้มีผลต่อกายมากที่สุด ก็คือการทานงาดำเป็นอาหาร แทนที่จะรับประทานงาดำที่เป็นสารสกัด โดยวิธีที่ดีที่สุดก็คือการบริโภคด้วยวิธีการเคี้ยวจะได้คุณประโยชน์มากที่สุด แต่หากเรานำมาโรยใส่ข้าวเหรอใสเครื่องดื่มในบางครั้งเราอาจจะไม่ได้เคี้ยวด้วยซ้ำ จึงทำให้ร่างกายดูดซึมได้ไม่ดีเท่าที่ควรหรือดูดซึมไม่ได้เลย ซึ่งวิธีการรับประทานก็ง่าย ๆ ด้วยการนำงาดำมาใส่กับขนมปังโฮลวีตรับประทานทุกเช้าวันละ 10 ช้อนสำหรับผู้สูงอายุ แต่สำหรับคนวัยทำงานก็วันละ 3-4 ช้อนก็เพียงพอแล้ว หรือจะอยู่ในรูปของน้ำเต้าหู้งาดำก็ได้เช่นกัน แต่การบริโภคที่ดีนั้นควรรับประทานอย่างเหมาะสมพร้อมรับประทานให้ครบ 5 หมู่เพื่อให้ร่างกายได้รับอรรถประโยชน์อย่างสูงสุดและหลากหลาย นอกจากการรับประทานแล้วเชี่ยวชาญนำเอาน้ำมันงามาใช้นวดทาบริเวณที่มีอาการปวดและ แวดเส้นเอ็นที่บาดเจ็บ เพราะว่าน้ำมันงามีคุณค่าที่ช่วยนำพาสมุนไพรชนิดอื่น ๆที่ถูกนำมาผสานดูดซึมเข้าไปได้ดีขึ้น