วันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2559

งาดำ งาดำแคปซูลสรรพคุณรักษาโรค บำรุงข้อกระดูก ชะลอความชรา


                   


 งาดำ เมล็ดธัญพืชเล็ก ๆ ที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางของกิน และสรรพคุณในการบำรุงอนามัย จึงทำให้งาดำขึ้นแท่นหมายถึงหนึ่งในซูเปอร์ฟู้ดที่คนรักอนามัยไม่ควรพลาด แต่เคยทราบกันบ้างหรือไม่ว่าในเมล็ดเล็กจิ๋วของงาดำนี้มีสารอาหารอะไร และมีประโยชน์อย่างไรกับสุขภาพบ้าง ลองไปดูพร้อมกันเลยดีกว่า จักได้มั่นใจว่างาดำน่ะดีกับสุขภาพอนามัยจริง ๆ

งาดำ ภาษาอังกฤษ คือ Black Sesame Seeds มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Sesamum indicum Linn. เป็นต้นไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในแถบประเทศเอธิโอเปีย ถูกนำเข้ามาในอินเดีย จีน แอฟริกาเหนือ พร้อมทั้งเอเชียใต้เมื่อประมาณ 2,000 ปีก่อน งาดำเป็นงาชนิดเดียวกับงาขาว ทว่าแตกต่างกันที่สีของเมล็ดเท่านั้นเอง

 ในประเทศไทย งาดำแคปซูล ถูกนำมาใช้ผลกำไรทั้งในด้านยารักษาโรค อาหาร พร้อมทั้งเครื่องสำอาง ไม่ว่าจะเป็นขนม เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ นำไปเติมลงในอาหาร หรือแม้แต่นำไปสกัดเป็นน้ำมันงาดำ เนื่องจากอุดมไปด้วยคุณค่าทางของกินกับมีคุณสมบัติทางอาหารการกินการ

คนโบราณนิยมใช้น้ำมันงาในการรักษาตัวเองมานานหลายพันปีมาแล้ว ทั้งในประเทศอินเดียพร้อมด้วยจีน งาดำแคปซูลสรรพคุณ ต่างๆที่รวบรวมได้มีทั้งนี้
ในงาดำยังมีโปรตีนบางชนิด ที่เป็นกรดอะมิโนจำเป็น ที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นมาเองได้ ช่วยในเรื่องการนอนหลับทำให้หลับพักผ่อนสบาย ช่วยบำรุงกระดูก ดูแลการเกิดโรคกระดูกเปราะกระดูกพรุน ป้องกันการเกิดโรคท้องผูก บรรเทาอาการริดสีดวงทวาร ต้านทานอาการข้ออักเสบ โรคข้อเสื่อม มีสรรพคุณต้านแบคทีเรีย รา และไวรัส ลดการอักเสบ ลดการเกิดการอุดตันของหลอดเลือด ใช้กับโรคเรื้อรัง เช่น ตับอักเสบ เบาหวาน และปวดศีรษะเรื้อรัง สกัดการเติบโตของเซลล์มะเร็งผิวหนัง และเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่ ต้านอนุมูลอิสระ ใช้กลั้วคอด้วยกันบ้วนปากจะลดเชื้อที่ทำให้เกิดเหงือกอักเสบ เชื้อก่อโรคเจ็บคอ และเชื้อหวัด ใช้หยอดจมูก (1-2 หยด) เมื่อเป็นไซนัสพบว่าได้ผลดี ใช้ทาผิวผู้เป็นโรคสะเก็ดเงินหรือไม่ก็เรื้อนกวาง (Psoriasis) พร้อมกับผู้มีผิวแห้ง ใช้ทาผิวพร้อมด้วยเคลือบเส้นผม เพื่อคุ้มครองรังสีอัลตราไวโอเลตจากแสงแดดพร้อมกับลม ช่วยจับสารพิษในกระแสเลือด ช่วยรักษาเหา ลดอาการปวดตามข้อได้ ชาวธิเบตใช้หยดจมูกข้างละ 1 หยดเพื่อช่วยให้นอนหลับ พร้อมด้วยลดความกระวนกระวาย ช่วยระบายท้อง


คุณลักษณะ

งามีไขมันจำเป็นที่ร่างกายสังเคราะห์เองไม่ได้ คือกรดไลโนเลอิก ร่างกายจะนำกรดไขมันดังกล่าวไปสร้างฮอโมนพรอสต้าแกลนดินฮีกัน ซึ่งทำหน้าที่ที่ทรงคุณสมบัติต่อร่างกายมากมายหลายด้านด้วยกัน อาทิ
1.  ช่วยขยายหลอดเลือด
2.  ช่วยลดความดันโลหิต
3.  ป้องกันเกล็ดเลือด (Plate Ket) เกาะกันเป็นลิ่ม ถ้าเกาะกันมากอาจอุดตันหลอดเลือดเล็กๆได้
ถ้าอุดตันหลอดเลือดหัวใจ ก็จะเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
ถ้าลิ่มเลือดไปอุดตันหลอดเลือดสมอง ก็จะป่วยเป็นอัมพาต อัมพฤกษ์ได้
ถ้าลิ่มเลือดอุดตันจอตา อาจทำให้ตาบอดได้ โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเบาหวานต้องระวัง

4.  ยับยั้งไม่ให้ร่างกายสร้างคอเลสเตอรอลมากเกินไป
5.  งามีแคลเซี่ยมสูงทำให้กระดูกแข็งแรงเพิ่มความหนาให้มวลกระดูก
งามีแคลเซี่ยมสูงมากกว่าพฤกษ์ทั่วไปถึง 40 เท่า ทั้งยังมีฟอสฟอรัสมากถึง 20 เท่า สาร 2 ตัวนี้เป็นธาตุสำคัญในการเสริมสร้างกระดูกพร้อมกับฟัน จึงควรให้เด็กกินงาจะได้เจริญเติบโตสูงใหญ่ สตรีวัยหมดประจำเดือนก็ควรกินงามากๆ เนื่องด้วยวัยนี้จะเกิดภาวะพร่องฮอร์โมนเอสโตเจน ทำให้มีการดึงแคลเซี่ยมาจากกระดูกพร้อมกับฟัน จึงมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคกระดูกพรุน กระดูกเสี่อม

นอกจากนี้ในงายังมีวิตามินอี ซึ่งเป็นสารต้านมะเร็ง และเป็นยาอายุวัฒนะทำให้ร่างกายสดชื่น ดูหนุ่ม - สาวและแก่ช้าลง  ที่สำคัญ งามีเลซิติน ซึ่งเป็นส่วนประกอบไขมันที่สำคัญมากในเซลล์ประสาท ต่อมไร้ท่อ สมอง หัวใจ ไต ควรรับประทานวันละ 1-2 ช้อนชา แล้วตามด้วยน้ำอุ่น จะทำให้จิตแจ่มใส อารมณ์ดี

เราจะเห็นว่างานั้นมีประโยชน์มากมาย แม้แต่โภชนาหลักของชาวมังสวิรัติยังขาดงาไม่ได้ เพราะโปรตีนของคนเราประกอบด้วยกรดอมิโนประมาณ 22 ชนิด แต่กรดอมิโนที่สรีระเราสร้างเองไม่ได้มีอยู่ 9 ชนิดด้วยกัน โปรตีนเหล่านี้มีอยู่ในถั่วเกือบครบถ้วน ยกเว้นกรดอมิโนที่ชื่อ เมทไธโอนีน ผMethionine) ซึ่งมีมากในเมล็ดงา


งาดำ กินอย่างไรให้ได้คุณประโยชน์ดีที่สุด ?

          งาดำมีประโยชน์มากมาย กับสามารถนำไปเติมในอาหารหรือเครื่องดื่มใด ๆ ก็ได้ แต่ถ้าอยากให้ร่างกายได้ประโยชน์จากงาดำสูงสุด แนะนำว่าเวลาทานควรเคี้ยวงาดำให้แตกก่อนแล้วค่อยกลืน หรือนำมาบดเป็นผงก่อนแล้วจึงนำมาโรยในอาหาร ก็จะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารจากงาดำมากขึ้น  การฉันงาดำเพื่อให้มีผลต่อกายมากที่สุด ก็คือการทานงาดำเป็นอาหาร แทนที่จะรับประทานงาดำที่เป็นสารสกัด โดยวิธีที่ดีที่สุดก็คือการบริโภคด้วยวิธีการเคี้ยวจะได้คุณประโยชน์มากที่สุด แต่หากเรานำมาโรยใส่ข้าวเหรอใสเครื่องดื่มในบางครั้งเราอาจจะไม่ได้เคี้ยวด้วยซ้ำ จึงทำให้ร่างกายดูดซึมได้ไม่ดีเท่าที่ควรหรือดูดซึมไม่ได้เลย ซึ่งวิธีการรับประทานก็ง่าย ๆ ด้วยการนำงาดำมาใส่กับขนมปังโฮลวีตรับประทานทุกเช้าวันละ 10 ช้อนสำหรับผู้สูงอายุ แต่สำหรับคนวัยทำงานก็วันละ 3-4 ช้อนก็เพียงพอแล้ว หรือจะอยู่ในรูปของน้ำเต้าหู้งาดำก็ได้เช่นกัน แต่การบริโภคที่ดีนั้นควรรับประทานอย่างเหมาะสมพร้อมรับประทานให้ครบ 5 หมู่เพื่อให้ร่างกายได้รับอรรถประโยชน์อย่างสูงสุดและหลากหลาย นอกจากการรับประทานแล้วเชี่ยวชาญนำเอาน้ำมันงามาใช้นวดทาบริเวณที่มีอาการปวดและ แวดเส้นเอ็นที่บาดเจ็บ เพราะว่าน้ำมันงามีคุณค่าที่ช่วยนำพาสมุนไพรชนิดอื่น ๆที่ถูกนำมาผสานดูดซึมเข้าไปได้ดีขึ้น