วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2559

พริก กับระบบย่อยอาหาร

 พริก

พริก เครื่องเทศในครัวเรือน
       "เครื่องเทศ" จัดเป็นของคู่ครัวไทยมาแต่โบราณ ด้วยเพราะรสชาติที่เผ็ดร้อนและกลิ่นหอมฉุนอันเป็นเอกลักษณ์ของเครื่องเทศแต่ละชนิดนั้นช่วยส่งเสริมให้รสชาติของอาหารดียิ่งขึ้นเมนูอาหารไทยแต่ละจานนั้นก็มีการนำเอาเครื่องเทศมาเป็นส่วนประกอบที่สำคัญ จึงทำให้อาหารไทยนั้นเลื่องชื่อในเรื่องของรสชาติ กลิ่น และสีสันเครื่องเทศในบ้านเรานั้นมีมากมาย แต่หนึ่งในนั้นมีอยู่ประเภทหนึ่งที่ให้รสชาติเผ็ดร้อนและเป็นเครื่องปรุงที่ขาดในครัวไทยไม่ได้เลยก็คือ "พริก" นั่นเอง
          พริก(chilli) จัดอยู่ในกลุ่มของพืชผักสมุนไพร มีลักษณะ และรสชาติแตกต่างกันไปตามแต่ละสายพันธุ์ พริกจะมีอยู่ด้วยกันหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นพริกขี้หนู พริกหยวก พริกไทย พริกชี้ฟ้า และพริกหวาน เป็นต้น โดย พริก ถือเป็นหนึ่งในเครื่องเทศและเครื่องปรุงที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง มีการเพาะปลูกกันในหลายประเทศทั่วโลก เพราะพริกนั้นมีความโดดเด่นในเรื่องของรสชาติ อีกทั่งยังมีประโยชน์และสรรพคุรหลายอย่างที่ดีต่อสุขภาพ วิตามินและแร่ธาตุ ที่ประกอบอยู่ในพริกนั้นก็มีอยู่อย่างมากมาย อาทิ วิตามินเอ วิตามินบี ธาตุเหล็ก แมกนีเซี่ยม ใยอาหาร โดยเฉพาะวิตามินซีนั้นมีอยู่ในปริมาณที่สูถึง 144 มิลลิกรัมต่อพริก 100 กรัม จึงมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิต้านทานให้แข็งแรงและบรรเทาอาการไข้หวัด
          ความเผ็ดของพริกนั้นมาจากสารแคปไซซิน (capsicin) ซึ่งสารแคปไซซิน นั้นก็ไม่ได้ให้แต่่เพียงความเผ็ดอย่างเดียว แต่ยังมีประโยชน์ต่อร่างกายด้วยเพราะมีส่วนช่วยในการลดการอุดตันในเส้นเลือดและช่วยสลายลิ่มเลือด อีกทั้งยังช่วยให้ระบบทางเดินหายใจทำงานได้ดีขึ้น เพราะช่วยขับเสมหะ แถมยังช่วยให้รู้สึกสดชื่น อารมณ์ดี และบรรเทาอาการเจ็บปวด นอกเหนือจากนั้นแล้วการทานพริกยังช่วยในเรื่องของการเผาผลาญพลังงานได้อีก
          พริกไม่ได้เป็นเพียงเครื่องเทศที่ช่วยแต่งเติมรสชาติให้อาหารแต่เพียงเท่านั้นเพราะพริกนั้นมีสรรพคุณทางยาด้วยอย่างพริกขี้หนูนั้นจะมีส่วนช่วยในการรักษาโรคบิด อาการคลื่นไส้อาเจียน ช่วยลดน้ำมูก สลายเสมหะ และชวยกระตุ้นให้เจริญอาหาร ส่วนพริกหวานนั้นมี เบตาแคโรทีนประกอบอยู่ในปริมาณสูงจึงช่วยบำรุงสายตา ชะลอความเสื่อมแห่งวัยและที่สำคัญยังลดอัตราเสี่ยงจากมะเร็งและสุดท้าย พริกไทยมีคุณสมบัติเด่นในเรื่องของการช่วยบรรเทาอาการเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร เพราะช่วยขับลม ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียด แน่นท้อง ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น
           แม้ว่าพริกจะมีประโยชน์อย่างมากมายแต่พริกมีรสชาติเผ็ดร้อนด้วย ฉะนั้นจึงควรนำไปใช้ประโยชน์อย่างมากมายแต่เพียงพอดี เพราะการทานอาหารที่มีรสชาติจัดจ้านจนเกินไปไม่เป็นผลดีต่อร่างกายเช่นกัน โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคกระเพาะเพราะการทานเผ็ดจะก่อให้เกิดกรดในกระเพาะอาหาร ทำให้เกิดการแสบท้อง