ดีปลี (Indian
Long Pepper) เป็นพืชสมุนไพรจำพวกเถาล้มลุก
ที่มีชื่อเรียกตามท้องถิ่นต่างๆ เช่น ภาคใต้เรียก
ดีปลีเชือก, พิษพญาไฟ, ปานนุ
หรือประดงข้อ ส่วนชาวจีนเรียก ปิกผัววะ เป็นต้น ซึ่งต้นดีปลีนั้นหลายๆ
คนมักสับสนกับพริกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพริกชี้ฟ้า หรือพริกขี้หนู
นิยมปลูกแบบใช้เถาที่นำไปชำจนกระทั่งเกิดรากงอก สามารถทนความแห้งแล้งได้ดี
และเจริญเติบโตดีในดินร่วน ชุ่มชื้น และมีแสงแดดอยู่รำไร โดยเฉพาะในฤดูฝน
อีกทั้งยังถือเป็นพืชสมุนไพรที่เก่าแก่ มีแหล่งผลิตอยู่ที่ประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซีย ส่วนในประเทศไทยทางภาคใต้และภาคเหนือมักนิยมใช้เป็นเครื่องเทศแทนพริกและพริกไทย
ดีปลี เป็นไม้เลื้อยชนิดหนึ่ง
ใบรูปไข่ โคนมน ปลายแหลม เป็นพืชใบเดี่ยว คล้ายใบย่านางแต่ผิวใบมันกว่า
บางกว่าเล็กน้อย ดอกเป็นรูปทรงกระบอกปลายมน เมื่อแก่จะมีผลเป็นสีแดง
การปลูก
นิยมปลูกโดยการใช้เถา
ชอบดินร่วนและอุดมสมบรูณ์ ทนแห้งแล้งได้ดี ฤดูที่เหมาะสมในการปลูกก็คือฤดูฝน
เวลาปลูกใช้เถาที่ชำจนรากงอกแล้วปลูก แล้วทำเสาให้เลื้อย ควรดูแลเรื่องน้ำและศัตรูพืชด้วย
ดีปลีเป็นสมุนไพรที่ใช้มากในอุตสาหกรรม ยาแผนโบราณประมาณ 5000 - 7000 กิโลกรัม/ปี
ปลูกได้ดีในภาคกลางของประเทศไทย นับว่าเป็นพืชสมุนไพรตัวหนึ่งที่อยู่ในแผน
พัฒนาเพื่อส่งเป็นสินค้าออก
ประโยชน์ทางโภชนาการ
ใช้ผลแก่แห้งเป็นยา
โดยเก็บช่วงที่ผลแก่จัดแต่ยังไม่สุก ตากแดดให้แห้ง มีรสเผ็ดร้อน ขม มีสรรพคุณขับลม
บำรุงธาตุ แก้จุกเสียด ซึ่งจากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ดีปลีแห้งประกอบด้วย " อัลคาลอยด์" ชื่อว่า Piperine ประมาณ 4
- 6% chavicine, น้ำมันระเหยหอม 1% ตามรายงานการศึกษาวิจัยพบว่า
ดีปลีใช้ประกอบตำรับยาที่ใช้รักษาโรคเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร ท้องอืดเฟ้อ ธาตุไม่ปกติ
ทั้งนี้เพราะดีปลีมีน้ำมันหอมระเหย
ผลแก่แห้งของดีปลี
ใช้เป็นยารักษาอาการดังนี้ อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และอาการปวดท้อง
รวมทั้งแก้อาการคลื่นไส้อาเจียน ที่เกิดจากธาตุที่ไม่ปกติ โดยการใช้ผลแก่แห้ง 1
กำมือ
(ประมาณ 10-15 ดอก) ต้มเอาน้ำมาดื่ม
ถ้าไม่มีดอกก็ให้ใช้เถาต้มแทนได้อาการไอและมีเสมหะ ใช้ผลแก่แห้งประมาณครึ่งผล ฝนกับน้ำมะนาวผสมเกลือกวาดในลำคอหรือจิบบ่อยๆ
นอกจากนี้ ผลดีปลีแห้งสามารถใช้เป็นเครื่องเทศประกอบอาหารต่างๆได้
ประโยชน์และสรรพคุณของดีปลี
ใบ – ช่วยแก้เส้นสุมนา (เส้นศูนย์กลางของท้อง) ให้รสเผ็ดร้อน
ผล – มักเรียกว่า ดอกดีปลี ช่วยแก้อาการอักเสบ แก้ปวดกล้ามเนื้อ ช่วยขับพยาธิ รวมทั้งขับระดู ทำให้แท้ง ขับน้ำดี แก้อาการลมบ้าหมู ไปจนถึงแก้อาการนอนไม่หลับ แก้หลอดลมอักเสบ ช่วยให้เจริญอาหาร แก้คุดทะราด แก้เป็นลมวิงเวียน แก้ริดสีดวงทวาร ตลอดจนแก้หืดไอ ช่วยขับลมในลำไส้ แก้อาการท้องร่วง และแก้ปถวีธาตุพิการ ให้รสเผ็ดร้อนขม
เถา – ช่วยลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อเรียบ รวมทั้งช่วยให้เจริญอาหาร แก้ลม แก้อาการริดสีดวงทวาร แก้ปวดท้อง จุกเสียด และแก้ปวดฟัน แก้เสมหะพิการ ให้รสเผ็ดร้อน
ราก – ช่วยแก้อาการลำไส้ใหญ่อักเสบ บำรุงธาตุ แก้เสมหะ แก้อาการปวดท้อง รวมทั้งแก้เป็นลมวิงเวียน แก้หืดไอ ช่วยดับพิษปัตคาด และแก้เส้นอัมพฤกษ์อัมพาต ให้รสเผ็ดร้อนขม
ใบ – ช่วยแก้เส้นสุมนา (เส้นศูนย์กลางของท้อง) ให้รสเผ็ดร้อน
ผล – มักเรียกว่า ดอกดีปลี ช่วยแก้อาการอักเสบ แก้ปวดกล้ามเนื้อ ช่วยขับพยาธิ รวมทั้งขับระดู ทำให้แท้ง ขับน้ำดี แก้อาการลมบ้าหมู ไปจนถึงแก้อาการนอนไม่หลับ แก้หลอดลมอักเสบ ช่วยให้เจริญอาหาร แก้คุดทะราด แก้เป็นลมวิงเวียน แก้ริดสีดวงทวาร ตลอดจนแก้หืดไอ ช่วยขับลมในลำไส้ แก้อาการท้องร่วง และแก้ปถวีธาตุพิการ ให้รสเผ็ดร้อนขม
เถา – ช่วยลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อเรียบ รวมทั้งช่วยให้เจริญอาหาร แก้ลม แก้อาการริดสีดวงทวาร แก้ปวดท้อง จุกเสียด และแก้ปวดฟัน แก้เสมหะพิการ ให้รสเผ็ดร้อน
ราก – ช่วยแก้อาการลำไส้ใหญ่อักเสบ บำรุงธาตุ แก้เสมหะ แก้อาการปวดท้อง รวมทั้งแก้เป็นลมวิงเวียน แก้หืดไอ ช่วยดับพิษปัตคาด และแก้เส้นอัมพฤกษ์อัมพาต ให้รสเผ็ดร้อนขม
ปัจจุบันดีปลีใช้น้อยในอาหารยุโรป
แต่ยังใช้ในอาหารอินเดียและอาหารเนปาล อาหารแอฟริกาเหนือบางชนิดใช้ผสมในเครื่องเทศ
และใช้ในอาหารมาเลเซียและอินโดนีเซีย ร้านขายของชำในอินเดียจะเรียกว่า pippali
ซึ่งเป็นเครื่องเทศหลักของนีหารีซึ่งเป็นอาหารประจำชาติของปากีสถาน
ดีปลีมีสารเคมีชื่อพิเพอร์โลกูมีน