สมุนไพร รากสามสิบ

สาวร้อยผัว สมุนไพรที่ใกล้ถูกลืม สรรพคุณ ช่วยในการกระชับช่องคลอด ลดตกขาว ปวดประจำเดือน แลปัญหาระบบภายในช่องคลอด แก้อาการวัยทอง บำรุงน้ำนม ประจำเดือนมาไม่ปกติชลอความแก่ แก้ช่องคลอดอักเสบ บำรุงผิวพรรณ

สมุนไพร กระชายดำแท้

กระชายดำเป็นสมุนไพรในกลุ่มร้อน มีรสขม เผ็ดร้อน สรรพคุณสำหรับผู้ชาย ช่วยบำรุงฮอร์โมนเพศชาย กระตุ้นประสาท ทำให้กระชุ่มกระชวย บำรุงกำลัง เป็นยาอายุวัฒนะ สรรพคุณสำหรับ ช่วยบำรุงเลือดสตรี แก้ตกขาว ทำให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ สตรี

สมุนไพร ตรีผลา

ตรีผลา ลดน้ําหนัก ช่วยควบคุมน้ำหนัก ช่วยลดน้ำหนักและมวลไขมันออกจากร่างกาย ช่วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันความเสื่อมของเซลล์ต่างๆในร่างกาย ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้มีอายุยืนยาว

สมุนไพร กวาวเครือขาว

ประโยชน์ของกวาวเครือขาวช่วยบำรุงผิวพรรณให้เต่งตึง เปล่งปลั่งสดใสนุ่มนวลเรียบเนียน เป็นสมุนไพรอายุวัฒนะ มีส่วนช่วยในการชะลอวัย ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัย และลดเลือนริ้วรอยบริเวณผิวหน้าและผิวกาย

วันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ทานถั่วเหลืองลดไขมัน






ทางเลือกสำหรับคนกินเจที่ใส่ใจสุขภาพอีก 1 อย่าง คือ เครื่องดื่มธัญพืช หากเป็นในตลาดก็น้ำเต้าหู้ แต่การพัฒนาด้านเทคโนโลยีก้าวไกลมาก ดังนั้นจากน้ำเต้าหู้จึงพัฒนามาเป็น น้ำนมถั่วเหลือง และครองแชมป์ส่วนแบ่งการตลาดในช่วงเทศการเจ ทั้งนี้เพราะนมถั่วเหลืองเป็นอาหารที่ไม่มีคลอเรสเตอรอลและมีไฟเบอร์สูง เป็นแหล่งโปรตีนสำคัญสำหรับผู้ที่กินเจและมังสวิรัติ เพราะถั่วเหลืองมีสารอะมิโนแอซิคที่จำเป็นต่อร่างกาย จากการศึกษาคุณประโยชน์ของถั่วเหลืองต่างก็ยืนยันว่า ถั่วเหลืองมีประโยชน์ในการลดระดับคลอเลสเตอรอลในเลือด ลดอาการวัยทอง และลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ และโรคกระดูกพรุน 

และเมื่อพูดถึงส่วนประกอบทางโภชนาการของนมถั่วเหลืองเปรียบเทียบกันนมวัว แม้ว่านมถั่วเหลืองจะมีปริมาณโปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต แคลเซียม ฟอสฟอรัส และวิตามินต่างๆ น้อยกว่านมวัว แต่ยังคงมีสารอาหารที่สำคัญต่อร่างกายอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะโปรตีนที่ประกอบด้วยกรดอะมิโนจำเป็นอยู่ครบถ้วน นมถั่วเหลืองยังมีข้อดีกว่านมวันบางประการ นั่นคือ นมถั่วเหลืองมีส่วนประกอบของใยอาหาร และธาตเหล็กมากกว่านมวัว

นอกจากนี้ในถั่วเหลืองยังมีสาร ไอโซฟลาโวนส์ ซึ่งมีคุณสมบัติ ดังนี้
ช่วยเพิ่มไขมันดี ลดไขมันเลว จัดเป็นสมุนไพรควบคุมน้ำหนักได้
ช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็งบางชนิด
ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน เพราะถั่วเหลืองมีโปรตีนและแคลเซี่ยมสูง
ใช้ทดแทนน้ำนมวัว ในเด็กที่แพ้นมวัวและแพ้แลคโตสในนม
เป็นอาหารเพื่อสุขภาพ เนื่องจากเป็นอาหารที่ไม่มีคลอเรสเตอรอลและมีไฟเบอร์สูง
เป็นแหล่งโปรตีนสำคัญสำหรับผู้ที่ทานมังสวิรัติเพราะถั่วเหลืองมีสารอะมิโนแอซิคที่จำเป็นต่อร่างกาย

ดังนั้นหากบ้านไหนมีผู้สูงอายุก็มาช่วยกันรณรงค์ให้ดื่มน้ำนมถั่วเหลืองกันเยอะๆเพื่อให้ผู้เป็นที่รักของเราอายุยืนยาว


กินผักโขมลดโรค





ผักโขม ถือเป็นยาสมุนไพรเป็นตัวช่วยเพิ่มพลังให้กับร่างกาย หากินผักโขมแล้วก็จะแข็งแรง ซึ่งความทรงจำนี้มีมาตั้งแต่ครั้งยังเยาว์วัย โดยเฉพาะป๊อปอาย กินแล้วกล้ามโตมาก ปัจจุบันผักโขมมีราคาค่อนข้างแพงในบางชนิด และเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นโดยเฉพาะในร้านอาหารประเภทชาบู หรือที่เราเรียกกันว่า hot pot สุกี้ ก็มักจะมีผักโขมอยู่ในเมนูสุขภาพด้วย

แต่เราไม่รู้กันหรอกว่า คนโบราณเค้าใช้ผักโขมเพื่อเป็นอาหารบำรุงน้ำนม หรือแม้แต่ใช้เป็นยาช่วยดับพิษภายในและภายนอก แก้ริดสีดวงจมูก รักษาฝีแผลผุพอง รวมถึงแก้อาหารคันตามผิวหนังกันมานานแล้ว

เมื่อประโยชน์มากแบบนี้ นักวิทยาศาสตร์จึงไม่หยุดนิ่งและก็ได้ทำการศึกษาต่อจนพบว่าในผักโขมนั้นประกอบไปด้วย แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินเอ วิตามินซี เบต้าแคโรทีน โดย สารต่อต้านอนุมูลอิสระอย่างวิตามินซีและเบต้าแคโรทีน จะช่วยทำให้การทำงานของหัวใจดีขึ้น หรือแมกนีเซียมในผักโขมก็จะช่วยควบคุมให้ความดันโลหิตอยู่ในระดับปกติได้ ที่สำคัญยังพบอีกว่า ผู้หญิงที่กินผักโขมมากๆก็จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งรังไข่ได้ด้วย 

นอกจากนี้ในกลุ่มเวทีการประชุมหัวข้อเรื่อง อัลไซเมอร์ นั้น ได้มีการศึกษาต่อว่า ผักโขมรวมถึงบร็อกโคลี่สามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคความจำเสื่อมของผู้หญิงได้ โดยพบว่าผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปที่ทานพวกผักดอก ผักใบเขียวพวกบร็อคโคลี่ ผักโขม และผักกาด มีทักษะในการพูด มีความตั้งใจ มากกว่าผู้ที่ไม่นิยมทานผัก

เมื่อรู้แบบนี้แล้ว มื้อถัดไปก็อย่าลืม มีเมนูผักโขมอยู่บนโต๊ะอาหารด้วยนะ

มะเขือพวงจิ๋วแต่แจ๋ว





มะเขือพวงพืชสมุนไพรไทยเห็นเม็ดเล็กๆแบบนี้ ใครจะไปรู้ว่า โอ้โฮ! สรรพคุณมหาศาล แต่ใครหลายๆคนก็คงไม่ค่อยชอบมะเขือพวงสักเท่าไหร่เพราะเป็นพืชที่มีรสค่อนข้างเฝือน ไม่ขม ไม่หวาน และไม่อร่อย แต่รู้กันมั้ยชาวอินเดียใต้เค้านิยมเอามะเขือพวงไปแช่นนมเปรี้ยวแล้วก็เอาไปตากแห้ง และเก็บไว้เป็นเครื่องเคียงในการใส่แกงแขก 

มะเขือพวงมีสารอาหารมากมาย อาทิ ธาตุแคลเซี่ยม ฟอสฟอรัส และธาตุเหล็กค่อนข้างสูง ปลูกง่ายโตเร็ว และส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องศัตรูพืชด้วย ครั้งนี้เรามาดูความสำคัญของเพ็กทินในมะเขือพวงกัน
มะเขือพวงมีสารเส้นใยละลายน้ำได้ที่เรียกว่า เพ็กทิน ซึ่งเป็นสารที่พบในผนังเซลล์ของพืช ผัก และผลไม้ต่างๆ เมื่อผานการกิน เพ็กทินจะเปี่ยนรูปเป็นวุ้นไปเคลือบผิวลำไส้ และช่วยเพิ่มความหนืดของอาหาร ทำให้อาหารเคลื่อนตัวผ่านลำไส้ช้า ลำไส้จึงดูดซึมแป้งและน้ำตาลที่ย่อยแล้วได้ช้าลง ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดค่อนข้างคงที่ การดูดซึมคอเลสเตอรอลจากอาหารหรือน้ำดีลดลง และเกิดการสร้างน้ำดีขึ้นมาทดแทน

นอกจากนี้ ยังพบอีกว่า เพ็กทินในมะเขือพวงนั้นยังมีคุณสมบัติดูดซับไขมันส่วนเกินจากอาหาร ลดการดูดซึมอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรทเข้าสู่ร่างกาย สารเส้นใยนี้ยังสามารถดึงน้ำไว้ได้เป็นจำนวนมาก จึงช่วยเพิ่มปริมาณอจุจาระ และกระตุ้นให้ระบบขับถ่ายทำงานได้เป็นปกติ ที่ลำไส้ใหญ่ แบคทีเรียในระบบทางเดินอาหารย่อยเพ็กทินให้กรดไขมันขนาดเล็กซึ่งเป็นประโยชน์กับร่างกายและยังพบอีกว่า ในจำนวนมะเขือ 3 ชนิด คือ มะเขือยาว มะเขือเปราะ และมะเขือพวง มะเขือพวงจะมีปริมาณเพ็กทินมากที่สุด ดังนั้นจึงขอแนะนำให้ผู้ที่ต้องการลดความดัน ลดคลอเลสเตอรอลมาทานมะเขือพวงกัน



วันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

พริกขี้หนูกับโรคหัวใจและหลอดเลือด






สารที่ให้ความเผ็ดร้อนในพริกขี้หนู พืชสมุนไพรไทย เรานั้นเรียกว่า แคปไซซิน ซึ่งแคปไซซินจะกระจายอยู่ทุกส่วนของผลพริก แต่ส่วนที่เผ็ดมากที่สุด นั้นก็คือ ส่วนของรก หรือส่วนที่เป็นไส้ของพริกซึ่งเป็นที่เกาะของเม็ดนั่นเอง ส่วนเม็ดและเปลือกของพริก ก็มีปริมาณแคปไซซินน้อยกว่า

สารแคปไซซินในพริกขี้หนู นอกจากจะให้ความเผ็ดร้อนแล้วยังมีคุณสมบัติช่วยบรรเทาอาการปวด ลดการอักเสบของกล้ามเนื้อและข้อ ซึ่งปัจจุบันมีผู้นำมาทำเป็นเจลทาแก้ปวดกล้ามเนื้อ นอกจากนั้น แคปไซซินยังมีส่วนเพิ่มการเคลื่อนไหวของระบบทางเดินอาหารและที่น่าสนใจคือ ผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด และปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดด้วย

ผลต่อการขยายตัวของหลอดเลือด สารแคปไซซินสามารถยับยั้งการหดตัวของหลอดเลือด ส่งผลให้มีการขยานตัวของหลอดเลือดทำให้มีเลือดไปเลี้ยงผิวหนังบริเวณนั้นได้มากขึ้น 

ผลต่อการจับกลุ่มของเกล็ดเลือด ถ้าเกล็ดเลือดมีการจับกลุ่มกันง่าย หรือมากกว่าปกติจะทำให้เพิ่มความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจได้มากขึ้น เพราะเลือดสามารถจับตัวกันเป็นก้อนแล้วอาจไปอุดกั้นหลอดเลือดโดยเฉพาะหลอดเลือดหัวใจ ก็จะทำให้เกิดภาวะหัวใจขาดเลือด นอกจากนี้ยังพบอีกว่า แคปไซซินสามารถลดการจับกลุ่มของเกล์ดเลือดได้ จากการศึกษา เมื่อเราให้ผู้ทดลองกินพริกขี้หนู สด 5 กรัมสับละเอียดพร้อมน้ำ 1 แก้ว แล้ววัดค่าการจับกลุ่มของเกล็ดเลือดหลังจากกินทันที จนถึงประมาณ 1 ชั่วโมงหลังกิน พบว่ามีการยืดระยะเวลาของการจับกลุ่มของเกล็ดเลือดออกไป ซึ่งส่งผลภายใน 30 นาทีหลังการกินพริกขี้หนู เข้าไป และหากให้คนกินพริกขี้หนู วันละ 5 กรัมพร้อมอาหารปกติ เป็นเวลา 4 สัปดาห์ พบว่าการจับกลุ่มของเกล็ดเลือดก็มีการยืดระยะเวลาออกไปเช่นกัน

กระเทียมกับโรคทางเดินอาหาร






แพทย์จีนได้มีการใช้กระเทียมเป็นสมุนไพรรักษาโรคมานานแล้ว โดยเฉพาะการรักษาเกี่ยโรคทางเดินอาหาร เช่น การติดเชื้อในลำไส้ ท้องเสีย บิด ท้องอืด ท้องเฟ้อ หากผู้ป่วยมีอาการท้องเสียติดต่อกันหรือมีอาการท้องเสียเรื้อรังหรือเป็นบิด สามารถทานกระเทียมได้ กระเทียมจะไม่ทำลายแบคทีเรียที่ดีในลำไส้ และจะเลือกทำลายเฉพาะแบคทีเรียตัวร้ายเท่านั้น กระเทียมมหัศจรรย์นี้ยังช่วยบำรุงกระเพาะอาหารให้แข็งแรงอีกด้วย

หรือถ้าคุณจำเป็นต้องเดินทางไปไกลๆ อากาศอาจเปลี่ยนแปลงกะทันหัน อาจทำให้เกิดอาการท้องเสีย ท้องเดิน ซึ่งอาจเกิดมาจากสภาพอากาศ อาหารที่ไม่คุ้นเคย อาการอันเลวร้ายหลายๆอย่างจะทุเลาลงได้ เพียงแค่คุณพกเอากระเทียมแคปซูลติดตัวไปด้วย หรือก่อนหน้าที่เดินทางหากคุณทราบล่วงหน้าสักสองสัปดาห์ก็ให้รับประทานกระเทียมแคปซูลวันละสองเม็ดทุกวันก่อนการออกเดินทาง ก็จะช่วยให้เกิดการปรับสภาพกระเพาะอาหารและลำไส้ของคุณให้แข็งแรงขึ้นได้ คุณจะได้เดินทางอย่างสบายใจ สบายท้อง จะไม่มีปัญหาในเรื่องของท้องเดิน ท้องเสียมากวนใจกวนอารมณ์ด้วย

สารอัลลิซินในกระเทียม สามารถยังยั้งเชื้อแบคทีเรียที่มักจะก่อให้เกิดโรคได้ถึง 15 ชนิด โดยเฉพาะพวกที่ดื้อยาที่ใช้กันทั่วไป เช่น เพนนิซิลิน อัลลิซิน กลับมายับยั้งได้ดีกว่าพวกไม่ดื้อยา นอกจากนี้ยังมี สารกาลิซิน ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อที่มีพิษต่อลำไส้ได้ดี และสารตัวนี้ยังสามารถฆ่าเชื้อบิดมีตัวได้ 

กระเทียมสามารถบรรเทาอาการอักเสบ จึงช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร ลดอาการจุกเสียดแน่นท้อง ดังนั้นในต่างประเทศจึงได้มีการทดลองนำสารสกัดจากกระเทียมมาทดลองกับคนไข้ ที่มีอาการท้องอืดเฟ้อ พบว่าสารดังกล่างสามารถระงับอาการปวดท้องและขับลมได้

กระเทียมจึงนับได้ว่าเป็นสมุนไพรไทย ที่ทั้งคู่ครัว และช่วยรักษาโรคได้เป็นอย่างดี

คุณประโยชน์ของชาเขียว







การดื่มชาเขียววันละ 1 ถ้วย จะทำให้มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระเพิ่มมากขึ้น แต่ถ้าดื่มวันละ 4-5 ถ้วยจะได้คุณประโยชน์สูงสุดต่อร่างกาย ถือเป็นสมุนไพรไทยชั้นดีอีก 1 ประเภท

1.ชาเขียว มีสารต้านอนุมูลอิสระจำนวนมาก เช่น สาร Catechins ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งและโรคหัวใจ มีการศึกษาพบว่าการดื่มชาเขียววันละ 1 ถ้วย จะลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเกี่ยวกับหัวใจได้ประมาณ 10%

2.สารตัวสำคัญที่พบในชาเขียว อันได้แก่ วิตามินเอ ในรูปของเบต้าแคโรทีน วิตามินซี วิตามินอี แต่สารที่ส่งผลให้ชาเขียวมีสรรพคุณต่อสุขภาพ ก็คือ สาร EGCG มีคุณสมบัติต้านเชื้อโรคและต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงมาก

3.สารคาเทซิน โพลีฟีนอล ในชาเขียวมีคุณสมบัติ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีกว่าวิตามินอี ถึง 20 เท่า ช่วยชะลอริ้วรอยหรือภาวะแก่ก่อนวัย ฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระของชาเขียวช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดแข็งตัว โรคหัวใจ ชะลอความชรา ลดขบวนการทำลายสารพันธุกรรมและยับยั้งการก่อมะเร็ง

4.ชาเขียว มีประสิทธิภาพในการลดระดับคลอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี(LDL)  ยังยั้งการก่อตัวของลิ่มเลือด ลดความดันโลหิต ทำให้อัตราเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจลดลง และนอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มระดับไขมันที่ดี (HDL) ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคไขมันอุดตันหลอดเลือดได้

5.ชาเขียว ช่วยลดพิษหรือล้างพิษออกจากร่างกาย โดยเฉพาะสารพิษจากบุหรี่ ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง มีฤทธิ์ในการยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง ช่วยลดการเจริญเติบโตของเซลล์ที่ผิดปกติ เนื้องอก และ เซลล์มะเร็งได้

6.ชาเขียว ลดอัตราการแพร่กระจายของมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งตับ มะเร็งต่อลูกหมาก มะเร็งเหล่านี้สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการบริโภคเนื้อวัวมากเกินไปและไม่ค่อยรับประทานอาหารที่มีใยสูงเท่าที่ควร




วันพุธที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ดื่มกาแฟเพื่อหัวใจที่แข็งแรง





ในกาแฟ ท่านๆคงทราบดี ก็จะมีการที่ทำให้ท่านอยากกาแฟอยู่ตลอดเวลา ก็คือ กาแฟอีน แต่ในที่นี้เราจะขอกล่าวถึง สาร โพลีฟีนอล ที่อยู่ในกาแฟกับการช่วยทำให้หัวใจของท่านแข็งแรงขึ้น

สารโพลีฟีนอล เป็นสารที่สามารถช่วยลดการเกิด ออกซิเดชั่นของไขมัน LDL ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ และยังไม่ช่วยควบคุมความดันโลหิตสูงด้วย

จากการวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ พบว่า คุณผู้หญิงที่ดื่มกาแฟไม่เกิน 5 แก้วต่อวัน กาแฟไม่มีส่วนทำให้เป็นการเสี่ยงต่อการเป็นโรคของหัวใจมากขึ้น แม้ในรายที่มีปัญหาเส้นเลือดอุดตันหรือหัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ  สำหรับผู้ที่ดื่มกาแฟทุกวันวันละ 6 แก้วขึ้นไปก็ไม่มีอัตราหัวใจสูงกว่าปกติ

ในกาแฟมีนิโคติน แต่ไม่ใช่นิโคตินชนิดเดียวกันกับที่มีในบุหรี่ แต่กลับเป็นวิตามิน B รวมชนิดหนึ่งที่ร่างกายต้องการช่วยลดคลอเลสเตอรอลในเส้นเลือดจึงป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดแข็งตัว

นอกจากนี้กาแฟยังจะทำให้ระดับไขมัน เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะไขมัน LDL ซึ่งเป็นไขมนที่ไม่ดีการขึ้นของไขมันขึ้นกับชนิดของกาแฟที่รับประทาน หากเป็นกาแฟที่ใช้เมล็ดกาแฟไปต้มจะทำให้ไขมันในเลือดขึ้นสูง แต่หากเป็นกาแฟที่กรองไขมันจะไม่ขึ้น ส่วนกาแฟ instant สำเร็จรูปที่นิยมรับประทานกันนั้น มีการศึกษาพบว่าไม่มีผลต่อไขมัน

แต่อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ที่มีปัญหาเป็นโรคแผลในกระเพาะอาหารและสำไส้ การดื่มกาแฟทั้งชนิดธรรมและชนิดที่สกัดกาแฟอีนออกจะเพิ่มการหลั่งกรดและน้ำย่อยจากกระเพาะอาหารสูงขึ้น ดังนั้นจึงควรงดจากการดื่มกาแฟได้เลย

มาล้างพิษด้วยมะนาวกัน





มะนาว เนื่องจากเป็นผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว ซึ่งเป็นพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณก็ช่วยในการขับเสมหะ ช่วยละลายก้อนนิ่ว ช่วยลดคลอเรสเตอรอลทำให้ไขมันไม่ดีลดลง หรือแม้กระทั่งการช่วยลดรอยด่างดำของผิว หรือผลัดเซลล์ผิวที่ไม่ดีออกไป 

แต่เพื่อให้เข้ากับการล้างพิษ ก็ต้องขอแนะนำวิธีการนำมะนาวมาใช้กันซะหน่อย ง่ายๆ ทุกเช้าทีคุณตื่นขึ้นมา ให้คุณดื่มน้ำมะนาวผสมน้ำอุ่นทุกวัน โดยการทำงานของน้ำมะนาวก็คือ มะนาวจะเข้าไปกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ทำให้ลำไส้เกิดการบีบตัว และขับสารพิษออกมากับอุจจาระได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะสารพิษเหล่านี้ถ้าเราไม่ขับมันออกมา มันก็จะถูกดูดซึมกลับเข้าสู่กระแสเลือด ส่งผลให้ร่างการของเราอ่อนเพลียสะสมสารพิษจนก่อให้เกิดโรคภัยต่างๆได้ต่อไป และที่สำคัญหลังกระบวนการล้างพิษด้วยการดื่มน้ำมะนาวนี้แล้ว นอกจากร่างกายภายในของคุณจะสะอาดปราศจากสารพิษแล้ว ก็ยังจะทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมแร่ธาติและวิตามินที่จำเป็นได้ดียิ่งขึ้น

สำหรับสูตรการทำน้ำมะนาวก็ทำได้ง่ายๆ ก็ให้บีบน้ำมะนาว 1 ผลลงในแก้วผสมน้ำอุ่น 1 ถ้วย ขนาดประมาณ 250 มล. (เคยเห็นแก้วชงกาแฟโบราณกันมั้ย ขนาดนั้นหละ 250 มล.) พอตื่นขึ้นมาปุ๊ปก็ดื่มน้ำมะนาวเข้าไปเลย และที่สำคัญก็ควรหลีกเลี่ยงการทานอาหารใดๆภายในครึ่งชั่วโมง

หรือถ้าท่านในอยากลดน้ำหนักร่วมด้วยก็ง่ายๆอีกละ ในแต่ละมื้อของอาหารที่อาจจะมีน้ำซุป หรือ สลัด ก็ให้บีบมะนาวลงไปซะหน่อย คาร์โบไฮเดรทจากเปลือกมะนาว จะช่วยกำจัดความอยากกินอาหารให้ลดลงได้ถึง 4 ชั่วโมง และยังทำให้ระบบย่อยอาหารสามารถดูดซึมน้ำตาลได้เร็วยิ่งขึ้นด้วย

หน่อไม้ฝรั่งป้องกันมะเร็ง






ควบคุมการเต้นของหัวใจ
ป้องกันโรคหลอดเลือดในสมอง
ปกป้องร่างกายจากมะเร็ง
เสริมความแข็งแรงของสเปิร์ม

คงยังไม่ลืมผักใบเขียวกันนะ แหมจะลืมได้อย่างไรกันก็ผักใบเขียวออกจะมีประโยชน์หลากหลาย โดยเฉพาะหน่อไม้ฝรั่ง ผักนานาประโยชน์ ก็ยังถือว่าเป็นพืชสมุนไพรไทยที่เป็นทั้งยาป้องกันโรค และนำมาทำเป็นอาหารมื้อโอชะของครอบครัวได้เลยทีเดียว

โฟเลต และ กรดโฟลิค ที่มีอยู่ในหน่อไม้ฝรั่ง มีคุณสมบัติมากมายหลายประการ อาทิ ช่วยป้องกันการเกิดความผิดปกติต่างๆของทารกในครรภ์มารดา ได้แก่ ความผิดปกติของระบบประสาท เช่น ความบกพร่องแต่กำเนิดที่ผนังของลำกระดูกสันหลังปิดไม่สนิท และเยื่อหุ้มไขสันหลังโปนออกมา และยังช่วยในการเจริญเติบโตของผม ผิวหนัง เล็บ เส้นประสาท เยื่อบุ และเม็ดเลือด ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจ

วิตามินซี ในผักส่วนใหญ่ก็จะมีวิตามินซีเป็นพื้นฐาน ในหน่อไม้ฝรั่งเองก็เช่นกันไม่พลาดแน่ๆ วิตามินซีในหน่อไม้ฝรั่งนอกจากจะช่วยเสริมสร้างผนังเส้นเลือดให้เหนียวและแข็งแรงแล้ว ยังช่วยบำรุงฟันและเหงือก และช่วยต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย และที่สำคัญคุณสมบัติอีกประการที่คุณผู้ชายต้องหูผึ่งตาวาว ก็คือ หน่อไม้ฝรั่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับคุณผู้ชายที่กำลังวางแผนจะมีบุตร เพราะวิตามินซีในหน่อไม้ฝรั่งจะช่วยทำให้สเปิร์มแข็งแรง เพราะสเปิร์มที่แข็งแรงที่สุดย่อมจะชนะ แต่อย่างไรแล้วก็อย่าลืมปรึกษาภรรยาคุณด้วยนะ เพราะแค่หน่อไม้ฝรั่งอย่างเดียวคงช่วยให้คุณมีบุตรไม่ได้ง่ายๆแน่

โปตัสเซียม ตัวนี้มีสรรพคุณช่วยควบคุมการเต้นของหัวใจและช่วยให้สมองสดชื่น แจ่มใส บรรดาผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายจึงมักจะแนะนำให้เรารับประทานอาหารที่มีโปตัสเซียมในปริมาณสูง เช่น กล้วย แต่ก็อย่าลืมหน่อไม้ฝรั่งด้วยเพราะก็เป็นผักที่มีโปตัสเซียมสูงเช่นกัน

เส้นใยอาหาร เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่าในผักนั้นมีเส้นใยอาหารเป็นองค์ประกอบหลักอยู่แล้ว ในหน่อไม้ฝรั่งก็เช่นกัน ซึ่งก็ช่วยให้การขับถ่ายได้ดี ลดความเสี่ยงอาการท้องผูก และป้องกันมะเร็งลำไส้ได้เป็นอันดับหนึ่งเลยทีเดียว

มะระขี้นก ขมเป็นยาต้านมะเร็ง




มะระขี้นก พืชสมุนไพรไทยมีลักษณะเป็นเถาเลื้อย ใบเป็นใบเดี่ยว เมื่อแก่จัดใบจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้ม แต่เรียบและเป็นมัน ลักษณะเป็นวงรีค่อนข้างเรียว ลูกไม่ใหญ่มาก ผิวขรุขระ สีผลอ่อนจะเป็นสีเขียว หากสุกแล้วผลจะมีสีเขียวปนเหลืองอมแดง ทางเหนือจะเรียกกันติดปากว่า “มะห่อย”


ความขมเป็นยา นี่เองที่เป็นสรรพคุณที่พืชสมุนไพรไทยชนิดนี้มีติดตัวมาแต่กำเนิด ที่ใคร ๆ ต่างก็ต้องยอมรับกันในคุณสมบัติข้อนี้ คนไทยเรานิยมนำมาลวก ทำเป็นเครื่องเคียงจิ้มกับน้ำพริกนานาชนิด ทำให้อาหารมื้อนั้นเป็นมื้อที่อร่อยแถมได้สุขภาพดีไปตาม ๆ กัน ทั้ง ๆ ที่ขมนี่แหละ เพราะช่วยให้ผู้รับประทานเจริญอาหาร ความขมจะเป็นตัวช่วยขับน้ำดีออกมาในปริมาณมาก ทำให้กระเพาะอาหารย่อยได้ง่ายขึ้น ไม่ทำให้ลำไส้ทำงานหนักจนเกินไป


ในใบมะระนั้น จะนิยมเก็บยอดมาลวกแกล้มกับน้ำพริก แต่สามารถนำใบแก่มาต้ม พอได้ที่ กรองเอาเฉพาะน้ำอุ่น ๆ มาดื่มได้ ซึ่งสรรพคุณนั้น เป็นยาขับเลือดเสีย ช่วยให้ประจำเดือนอยู่ในภาวะปกติ แก้ไข้หวัด ร้อนใน บำรุงธาตุ บำรุงอวัยวะภายใน ช่วยให้เจริญอาหาร ขับน้ำดี และถ่ายพยาธิได้ด้วย ส่วนผลมะระ ก็จะนิยมนำมาแกล้มน้ำพริก ด้วยเช่นกันทางภาคเหนือจะนำไปใส่แกงต่าง ๆ ด้วย เช่นแกงแค นับได้ว่าเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยประโยชน์ของพืชสมุนไพรไทยอย่างแท้จริง ผลมะระมีสรรคุณเหมือนใบมะระ แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือสามารต้านมะเร็งได้เป็นอย่างดี รากมะระนั้น ก็ยังสามารถนำรากฝอยมาทุบ ต้มน้ำ กรองเฉพาะน้ำมาดื่มแก้ร้อนใน แก้ริดสีดวง ขับถ่ายเป็นมูกเลือดได้อีกด้วย

ยอ สารพัดประโยชน์





พืชสมุนไพรไทย ที่มีลักษณะเป็นไม้ยืนต้น มีความสูง 2-6 เมตร ลักษณะผลเป็นรูปไข่วงรี มีตาอยู่รอบผล ผิวมัน หากใกล้สุกจะมีสีขาวนวล ค่อนข้างมีกลิ่นฉุน โดยส่วนใหญ่จะเป็นพืชที่ขึ้นตามป่า แต่คนโบราณมักนิยมนำมาปลูกไว้ตามบ้านด้วยเช่นกัน และจะเจริญเติบโตได้ในที่พื้นที่มีความชุ่มชี้นพอสมควร

เนื่องจาก “ใบยอ” เป็นพืชสมุนไพรที่อุดมไปด้วยแคลเซียม เบเต้าเคโรทีน วิตามินบี 1 และบี 2 และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ จึงมีสรรพคุณในการรักษาอาการปวดตามข้อ ปวดกล้ามเนื้อ รักษาแผลพุพอง บรรเทาอาการปวดศรีษะ และแก้พิษไข้ และต่อต้านมะเร็งร้ายด้วยสารโพลีแซคคาไรด์ที่ได้มาจากน้ำตาลในผลของลูกยอ และสารโปรโซโรนีน ก็จะเป็นตัวช่วยกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธภาพ ให้เซลล์ในร่างกายทำงานได้อย่างเป็นปกติ ทั้งยังช่วยลดอาการภูมิแพ้ได้อีกทาง


น้ำคั้นจากใบยอสด ก็ยังสามารถนำทำรับประทานได้เช่นกัน โดยสรรพคุณที่ได้จากพืชสมุนไพรชนิดนี้นั้น จะสามารถรักษาโรคความดันโลหิตสูง บรรเทาอาการปวดท้อง รักษาแผลในกระเพาะอาหาร บำรุงธาตุ ระบายท้อง แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แก้อาการปวดตามข้อ และอาการปวดจากโรคเก๊าต์ได้ ทั้งยังป้องกันและรักษาโรคทางเดินปัสสาวะอักเสบ รักษาอาการใส้เลื่อน และอาการเลือดออกจากอาการกระดูกแตกร้าวได้อีกด้วย


ยังมี “ลูกยอดิบ” ที่ก็ยังเป็นประโยชน์ได้อีกทาง นั่นคือ จะเป็นตัวช่วยขับลม แก้อาการคลื่นใส้ อาเจียน และขับประจำเดือน ให้อยู่ในภาวะปกติ ในส่วนของ “ลูกยอสุก” จะใช้รักษาอาการเจ็บคอ และโรคภายในช่องปาก ไปกระตุ้นการอยากอาหาร ป้องการโรคความดันโลหิตสูง และช่วยขับพยาธิได้อีกด้วย จะเห็นได้ว่า ยอ นั้น เป็นพืชสมุนไพรไทย ที่นำมาทำเป็นยารักษาโรคได้สารพัดประโยชน์จริง ๆ


ข้อควรระวัง : สตรีที่ตั้งครรภ์อ่อน ๆ ห้ามรับประทานเด็ดขาด เพราะอาจเกิดภาวะแท้งบุตรได้

พริกไทย ราชาแห่งเครื่องเทศ




มีงานวิจัยพบว่า “สารฟีนอลิกส์” ในพืชสมุนไพรไทย ของพริกไทยนี้ มีคุณสมบัติเป็น Antioxidant ซึ่งเป็นที่รู้ดีกันอย่างกว้างขวางว่า เป็นสารต่อต้านมะเร็งได้นั่นเอง ทั้งยังได้ชื่อว่าเป็น “ราชาแห่งเครื่องเทศ” กันเลยทีเดียว


ว่ากันด้วยพืชสมุนไพรไทย ที่ชื่อว่า “พริกไทย” ซึ่งมีลักษณะผลที่เป็นพวงมีเม็ดขนาดเล็กเรียงรายอยู่เป็นจำนวนมาก นิยมนำไปใช้ทำเป็นเครื่องเทศสำหรับปรุงอาหาร ทั้งยังมีรสชาติเผ็ดร้อน ซึ่งบางคนก็ชอบ บางคนถึงขนาดได้กลิ่นแล้วฉุนกันเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามพืชสมุนไพรไทย เจ้าพริกไทยนี้มากมายไปด้วยสรรพคุณในการรักษา และบรรเทาโรคต่าง ๆ ได้อยู่ไม่น้อย นอกจากจะมีสารต่อต้านมะเร็งแล้ว ยังมีแคลเซียมและสารเบต้าแคโรทีนสูงอยู่อีกด้วย ในพริกไทยยังมีน้ำมันหอมระเหยที่มีสรรพคุณในการดับกลิ่นคาวในอาหารได้ บรรเทาอาการนอนไม่หลับ แก้ปวดหัว ปวดตามข้อ และแก้ท้องเสียได้ด้วยเช่นกัน


นอกจากนั้นแล้ว พริกไทยยังมีฤทธิ์ในการขับลมในกระเพาะอาหาร แก้อาการจุกเสียด แน่นท้อง เป็นตัวช่วยกระตุ้นให้กล้ามเนื้อในกระเพาะลำใส้ เคลื่อนไหวอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งผลที่ได้คือจะช่วยให้กระเพาะอาหารทำการย่อยอาหารได้ง่ายยิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยกระตุ้นต่อมน้ำลาย และน้ำย่อยให้ขับออกมาช่วยย่อยอาหารได้ง่ายขึ้นอีกทาง ทำให้กระเพาของเรานั้น ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในส่วนของความสวยความงามนั้น สามารถช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดได้ ด้วยในพริกไทยนั้นมีวิตามินซีสูง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ร่างกายควรได้รับ เพื่อใช้เป็นภูมิคุ้มกันในร่ายกาย ด้วยฤทธิ์ความร้อนของพืชสมุนไพรนี้เอง จึงทำให้พริกไทยสามารถช่วยในการลดน้ำหนักได้อีกด้วยเช่นกัน สำหรับหนุ่ม ๆ สาว ๆ ที่รักในหุ่นสวย พร้อมสุขภาพดี ไม่ควรพลาด

หญ้าหนวดแมวขับปัสสาวะ




หญ้าหนวดแมวจัดเป็นพืชสมุนไพรไทยไม้ล้มลุก ที่นำมาใช้ในการรักษาโรคนิ่ว รักษาอาการขัดเบา หรือโรคทางเดินปัสสาวะอักเสบ และยังรักษาโรคความดันโลหิตได้อีกด้วย ด้วยลักษณะลำต้นและกิ่งอ่อนเป็นสี่เหลี่ยมสูงราว 0.3-0.8 เมตร มีใบเดี่ยวออกข้างลำต้น คล้ายรูปวงลี ปลายหยักเป็นระยะรอบใบ ออกดอกเป็นช่อยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร ในยามที่ดอกเริ่มบานจะมีเส้นยาวยื่นออกมานอกกลีบดอกนั้น ลักษณะคล้ายหนวดแมว และที่สำคัญยังออกดอกได้ตลอดปีอีกด้วย


ในการนำหญ้าหนวดแมวมาทำเป็นสมุนไพรรักษาโรคนั้น ให้นำใบของหญ้าหนวดแมวประมาณ 1-2 กำมือ นำไปต้มกับน้ำจนเดือนประมาณ 3 นาที รอจนอุ่นพอประมาณ แล้วรินน้ำใส่แก้วดื่มครั้งละ 1 แก้ว เช้า – เย็น เป็นประจำ หรือดื่มต่างน้ำได้ยิ่งดี จะทำให้ช่วยลดความดันโลหิตได้อีกด้วย หญ้าหนวดแมวในส่วนของต้นหรือใบยังมีสรรพคุณแก้หนองใน โรคปวดหลัง โรคปวดเอว โรคปวดตามข้อ หรือไขข้ออักเสบได้อีกด้วย


มีรายงานการศึกษาผู้ป่วยในโรงพยาบาลรามาธิบดี ที่ดื่มยาชงหญ้านวดแมวทุกวัน วันละ 3 ครั้ง เป็นระยะเวลา 2-6 เดือน พบว่าสามารถลดขนาดของก้อนนิ่ว 23 คน มีนิ่วหลุดออกมาจำนวน 40% และมีอาการของภาวะโรคนิ่วดีขึ้นจำนวน 20%


ทั้งนี้ในการรักษาโรคนิ่วนั้น เมื่อนำหญ้าหนวดแมวมาใช้เป็นสมุนไพรรักษาโรคแทนยาแผนปัจจุบัน พบว่าสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษาลงได้เป็นอย่างมาก


ข้อควรระวัง ห้ามใช้สมุนไพรหญ้าหนวดแมวในผู้ป่วยโรคหัวใจเป็นอันขาด จะทำให้เกิดอันตรายได้

กระชายช่วยระบายท้อง





กระชายเป็นพืชที่ไม่มีลำต้นบนดิน โดยจะนำมาทำเป็นเครื่องเทศปรุงอาหารโดยผสมในเครื่องแกง จะมีกลิ่นหอมฉุนและรสชาติไปในทางร้อน ไม่เพียงเท่านั้นสรรพคุณในด้านการรักษาโรค พืชสมุนไพรชนิดนี้ยังช่วยในการระบายท้องจากอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ได้ดีอีกด้วย ในกระชายมีวิตามินซี วิตามินบี 1 วิตามินบี 3 วิตามินบี 6 และแคลเซียม ที่ยังช่วยบำรุงตับ ไต กระดูกอ่อนและฟื้นฟูต่อมไทรอยด์ ต่อมใต้สมองได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยปรับสมดุลของความดันโลหิตให้อยู่ระดับปกติ ไม่สูง หรือไม่ต่ำมากจนเกินไป


ในการนำกระชาย พืชสมุนไพรมาใช้ประโยชน์นั้น สามารถทำได้หลายวิธีอาทิ
  • นำมาผสมในในเครื่องแกงและปรุงเป็นอาหารมื้ออร่อยสำหรับครอบครัวรักสุขภาพ

  • นำมาทำเป็นเครื่องดื่มได้ โดยหั่นกระชายเป็นชิ้นเล็ก ๆ และนำไปปั่นแล้วแยกกากทิ้ง ทำเป็นน้ำหัวเชื้อเก็บรักษาไว้ในอุณหภุมิในตู้เย็น เวลาต้องการดื่มนำมาผสมน้ำ เติมน้ำตาล และเกลือ ปรุงรสชาติตามต้องการ

  • นำไปปรุงยาโดยตากให้แห้งและบดให้เป็นผง อัดเป็นเม็ดหรือแคปซูล เก็บไว้ใช้ได้เช่นเดียวกัน


พืชสมุนไพรไทยที่ชื่อว่ากระชายนั้น มากมายไปด้วยสารพัดประโยชน์นอกจากจะช่วยระบายท้องแล้วยังช่วยบำรุงร่ายกาย เสมือนเป็นยาอายุวัฒนะ ด้วยสรรพคุณของรากเหง้าของกระชายที่หากนำมาตากแห้งแล้วบดให้เป็นผง และนำมาชงกับน้ำร้อนดื่มเป็นประจำ ก็จะช่วยบำรุงหัวใจได้อีกด้วย

ทำไมต้องสมุนไพรไทย






ขึ้นชื่อว่า “สมุนไพรไทย” แล้ว ก็เป็นอันให้ต้องนึกถึงภูมิปัญญาไทยที่บรรพบุรุษได้สั่งสม สั่งสอน รวมถึงสะสม มาให้พวกเราได้ใช้เยียวยาร่างกาย ให้เราได้บรรเทา ทุเลา หายป่วยกันไปได้อย่างน่าอัศจรรย์ บ้างก็มีรสชาติอร่อยถูกปาก บ้างก็ขมซะจนเข็ดขยาดไปตาม ๆ กัน แต่จะอย่างไรก็ตามคำโบราณที่ท่านได้กล่าวไว้ว่า “หวานเป็นลม ขมเป็นยา” ก็ยังคงได้ใช้กับสมุนไพรไทยของเราไปจนถึงรุ่นลูก รุ่นหลาน ได้กล่าวขานกันไปอีกนานอย่างแน่นอน


พืชสมุนไพร ที่ใกล้ตัวเรานั้น มีอยู่มากมายนัก หลาย ๆ บ้านก็ปลูกไว้กิน ไว้ใช้กันอย่างมากมาย แถมไม่พอในเวลาที่ออกดอก ออกผลนั้น ก็ยังมีเหลือเผื่อแผ่ให้ผู้ที่ต้องการ นำไปปรุงเป็นยา เป็นอาหารมื้ออร่อย แถมมาด้วยสุขภาพดีได้อีกต่างหาก แบบนี้แล้วจะไม่ให้เห็นคุณค่ากันก็ดูกระไรอยู่เชียว


สมุนไพรไทย สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ทั้ง เปลือก ราก หัว เหง้า แก่น เนื้อไม้ เปลือก ลำต้น ดอก ใบ ผล เมล็ด แทบจะเรียกได้ว่า 1 ต้นของพืชสมุนไพร สามารถนำมารักษาโรคใดโรคหนึ่งหรือมากกว่าได้เลยทีเดียว เพียงแต่ผู้ใช้ต้องศึกษาให้ละเอียดก่อนนำพืชสมุนไพรมาใช้ปรุงยา หรืออาหาร เพราะสรรพคุณที่ดูเหมาะสมแก่การรักษาโรคใดโรคหนึ่งนั้น ก็อาจจะไม่เหมาะกับผู้ที่มีร่างกายอยู่ในภาวะบางอย่างได้ เช่นผู้ที่ตั้งครรภ์ ควรหลีกเลี่ยงการใช้สมุนไพรที่ฤทธิ์ในด้านความร้อน เพราะอาจจะกระทบต่อเด็กในครรภ์ได้ เป็นต้น


อย่างไรก็ดีการบำบัด การรักษาด้วยวิถีทางธรรมชาติ ดูจะเป็นที่นิยมและยอมรับกันอย่างกว้างขวางมากขึ้น และพืชสมุนไพรไทยนั้นจะเป็นตัวแปรสำคัญยิ่ง ที่เราควรศึกษา และทำความเข้าใจในธรรมชาติของการนำไปบำรุงรักษาและป้องกันกันอย่างถูกวิธี เรามั่นใจว่าคุณจะมีสุขภาพแข็งแรงได้ด้วยสมุนไพรไทย